Warning: Array to string conversion in /var/www/html/wp-includes/formatting.php on line 1096

Blog

  • สุดแปลก!! 2 สามีภรรยา ปลูกผักบนหลังคารถตู้ตระเวนเที่ยวทั่วประเทศ(คลิป)

    สุดแปลก!! 2 สามีภรรยา ปลูกผักบนหลังคารถตู้ตระเวนเที่ยวทั่วประเทศ(คลิป)

    สุดแปลก!! 2 สามีภรรยา ปลูกผักบนหลังคารถตู้ตระเวนเที่ยวทั่วประเทศ

    วันที่ 13 พ.ย 66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พบรถตู้อีซูชุ สีดำ ทะเบียน 9 ฌ 3998 กทม.เพ้นท์ข้างรถด้วยภาษาอังกฤษ คำว่า midnight a cocoo และรูปดาว ด้านบนมีเบาะนั่ง 2 ที่นั่ง ถังฉีดพ่นน้ำและ เซิร์ฟบอร์ด ซึ่งเป็นรถของนายสุนทร คำงาม ศิลปินอิสระ อายุ 65 ปี บ้านเลขที่ 44 หมู่ 6 ตำบลบ้านต๊ำ อ.เมือง จ.พะเยา ที่นำรถตู้ที่มีสภาพเก่าแก่มากกว่า 30 ปี ที่ยังใช้งานได้มาทำการปลูกพืชผักสวนครัวหลากหลายชนิดบนหลังคารถ สร้างความแปลกและฮือฮาสำหรับผู้ที่พบเห็นของรถคันดังกล่าวที่วิ่งตามเส้นทางต่างๆและท่องเที่ยวไปทั่วประเทศ โดยเฉพาะในกรุงเทพก็จะได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก

    นายสุนทร คำงาม กล่าวว่า ตนเองมีแนวคิดในการจุดประกายที่นำรถเก่า เอามาวิ่งดังคำเขาว่ารถเก่าทำไมไม่เอาไปปลุกสะระแหน่ ก็เลยเกิดไอเดียขึ้นมา จึงปลูกไว้บนหลังคารถเก่าที่ตนเองใช้เป็นรถคู่ชีพเดินทางไปท่องเที่ยวตามที่ต่างๆและตั้งใจที่จะปลูกให้เด็กที่กรุงเทพฯ เห็นผักพื้นบ้านพวกสมุนไพร ซึ่งวิธีการปลูกก็จะมีลักษณะปลูกบนแผ่นโฟม สำหรับปลูกผักไฮโดรโพนิคที่มีความหนา 7 ซม.และมีน้ำหนักเบากว่าการปลูกด้วยดิน ขณะที่แผงต้นไม้ ก็ผนึกแนบแน่นกับหลังคาด้วยเหล็กที่ติดตรึงอยู่บนหลังคารถจนไม่มีโอกาสที่จะร่วงหล่นลง

    สำหรับพืชผักที่ปลูกเช่น หนานเฉาเหว่ย กระถิน ยาสมุนไพร ตะไคร้ ผักชีฝรั่ง มะขาม รวมแล้วมีผักหลายชนิดและเมื่อทานผักหรือผลไม้ก็จะโยนเมล็ดขึ้นไปที่บนหลังคารถ แล้วมันจะขึ้นของมันเอง ซึ่งส่วนใหญ่จะวิ่งในกรุงเทพฯ แต่ตอนนี้จะพาภรรยาเที่ยวทั่วประเทศค่ำที่ใหนพักที่นั่น เมื่อจะกลับมาบ้านที่พะเยาก็จะใช้ตาข่ายคลุมและค่อยขับมาเรื่อยๆ เมื่อมาถึงพะเยาก็จะเปิดออกเวลาจอดพักระหว่างทางภายในปััมก็จะมีผู้คนที่พบเห็นต่างพากันมาดูมาชมาถ่ายรูปและพูดเป็นเสียงตามๆกันว่ารถแปลกดีและน่าจะมีคันเดียวในประเทศไทย

    สัมภาษณ์นายสุนทร คำงาม

    ปัณณวิชญ์ อยู่ดี จ.พะเยา

  • ผู้ว่าฯ พิษณุโลก “ทอธง ทอใจ” ลงด้ายเส้นแรกประเพณีปักธงชัย อำเภอนครไทย

    ผู้ว่าฯ พิษณุโลก “ทอธง ทอใจ” ลงด้ายเส้นแรกประเพณีปักธงชัย อำเภอนครไทย

    ผู้ว่าฯ พิษณุโลก “ทอธง ทอใจ” ลงด้ายเส้นแรกประเพณีปักธงชัย อำเภอนครไทย

    วันที่ 13 พ.ย.2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณพระบรมราชานุสาวรีย์พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ อ.นครไทย จ.พิษณุโลก นายภูสิต สมจิตต์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ประธานแถลงข่าวการจัดงานประเพณีปักธงชัย พร้อมกับเปิดการ “ทอธง ทอใจลงด้ายเส้นแรก” เป็นการลงกระสวยด้ายเส้นแรกของการทอธง เพื่อนำไปปักที่เขาช้างล้วงในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2566 ตามประเพณีปักธงชัย

    อีกทั้งนางรำ 1,299 คน ที่ร่วมซ้อมเสมือนจริงเพื่อรำบวงสรวงในพิธีเปิดพร้อมซุ้มอาหารจาก 11 ตำบล ประเพณีปักธงชัยประจำปี 2566 กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 18-27 พฤศจิกายน 2566 ณ บริเวณพระบรมราชนุสาวรีย์พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ ตำบลนครไทย อำเภอนครไทย โดยมีกิจกรรมต่างๆ อาทิ ขบวนแห่เทิดพระเกียรติฯ การเดินแบบผ้าไทยการกุศล การประกวดร้องเพลงผู้นำท้องถิ่นท้องที่ กิจกรรมTo Be Number One การประกวดส้มตำลีลา การประกวดธิดาพ่อขุนบางกลางท่าว การแสดงสีเสียง เทิดพระเกียรติ มหกรรมอาหาร สินค้า OTOP

    โดยหลังจากผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลกแถลงข่าวและเปิดงาน ”ทอธง ทอใจลงด้ายเส้นแรก” แล้วได้ร่วมทอธงกับชาวบ้านในครั้งนี้ด้วย

    นายภูสิต สมจิตต์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก กล่าวว่า งานประเพณีปักธงชัยประเพณีท้องถิ่นที่สำคัญของชาวนครไทย เรียนรู้วีรกรรมของพ่อขุนบางกลางท่าว พระนามว่า “พ่อขุนศรีอินทราทิตย์” ปฐมวงศ์ราชวงศ์พระร่วง แห่งราชอาณาจักรสุโขทัย เมื่ออพยพมาอยู่ที่เมืองนครไทย (เมืองบางยาง) ได้สู้รบกับเจ้าของถิ่นเดิมจนถึงเทือกเขาช้างล้วงจนประสบชัยชนะ จึงได้นำผ้าคาดเอวของท่านผูกปลายไม้ปักที่ยอดเขาช้างล้วงเพื่อแสดงถึงชัยชนะ

    นายไสว เจริญศรี นายอำเภอนครไทย กล่าวว่า ประเพณีปักธงชัยจึงเป็นประเพณีที่ปฏิบัติสืบทอดกันมาตั้งแต่โบราณจนถึงปัจจุบัน ซึ่งชาวนครไทยได้จัดทำขึ้น ในวันขึ้น15 ค่ำ เดือน 12เป็นประจำทุกปี เพื่อให้บ้านเมืองอยู่เย็นเป็นสุข กินดีอยู่ดี และเพื่อระลึกถึงพ่อขุนบางกลางท่าว ชาวนครไทยจะนำธงที่ชาวบ้านร่วมกันทอไปปักที่เขาช้างล้วง

    ซึ่งเป็นเทือกเขาที่ทอดตัวขนานไปกับถนนทางหลวงสายนครไทย – ชาติตระการ จึงขอเชิญชวนประชาชนและนักท่องเที่ยวร่วมงานประเพณีปักธงชัย ของอ.นครไทย ในระหว่างวันที่ 18-27 พฤศจิกายน 2566 โดยเฉพาะในวันที่ 27 พ.ย.ขึ้นไปร่วมปกธงชัยบนเขาช้างล้วง

  • รวบหนุ่มใหญ่ พกปืนขนไอซ์ 20 กิโล ลานจอดรถโรงพยาบาล

    รวบหนุ่มใหญ่ พกปืนขนไอซ์ 20 กิโล ลานจอดรถโรงพยาบาล

    รวบหนุ่มใหญ่ พกปืนขนไอซ์ 20 กิโล ลานจอดรถโรงพยาบาล

    ค่ำวันที่ 11 พ.ย.66 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กองกำกับการปฏิบัติการพิเศษ กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 5 เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ภ.จว.เชียงราย สภ.แม่สรวย ภายใต้การอำนวยการของ พล ต ตวรพงศ์ คำลือ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 5 พล.ต.ต.มานพ เสนากูล รักษาราชการแทน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย พ. ต. อ. พัสกร ธวัชเชียงกุล ผกก.สส.ภ.จว. เชียงราย พ.ต.อ. เกียรติศักดิ์ จิตประสาร ผกก.สภ.แม่สรวย ได้ร่วมกันจับกุม นายอาเลี่ยง ไม่มีนามสกุล อายุ 52 ปี บุคคลไม่มีสัญชาติไทย อาศัยอยู่ ต.วาวี อ.แม่สรวย จ.เชียงราย พร้อมของกลาง ยาไอซ์ 20 กิโลกรัม ปืนพกสั้นชนิด .38 2 กระบอก พร้อมกระสุน 13 นัด

    โดยการจับกุมในครั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่สืบทราบว่าจะมีการลักลอบขนยาเสพติดผ่านเข้ามาในพื้นที่ อ.แม่สรวย โดยจะนำไปส่งบริเวณลานจอดรถโรงพยาบาลแม่สรวย เจ้าหน้าที่จึงได้นำกำลังไปดักซุ่มรออยู่กระทั่งเวลาประมาณ 19.10 น.วันเดียวกันได้พบชาย 1 คนทราบชื่อต่อมาว่านายอาเลียง ขับรถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า ป้ายทะเบียน จ.เชียงราย เข้าไปบริเวณลานจอดรถ เจ้าหน้าที่จึงได้นำกำลังเข้าไปปิดล้อมและจับกุมเอาไว้ได้ จากการตรวจสอบที่กระบะหลังรถพบยาไอซ์ ชนิดเกล็ดสีขาว บรรจุในถุงพลาติกใสเป็นก้อนๆ ละประมาณ 1 กิโลกรัม จำนวน 20 ก้อน น้ำหนักรวม 20 กิโลกรัม นอกจากนี้ในตัวนายอาเลี่ยงยังพกอาวุธปืนพกสั้นชนิด .38 พร้อมกระสุน 7 นัด และในรถยังพบปืนขนาด .38 อีก 1 กระบอกพร้อมกระสุน 6 นัดทางเจ้าหน้าที่จึงได้จับกุมตัวนายอาเลี่ยงเอาไว้

    เบื้องต้นให้การว่าได้รับจ้างจากนายจะกุชาวเผ่ามูเซอ อายุประมาณ 50 ปี ให้ขนยาไอซ์ไปส่งที่ลานจอดรถโรงพยาบาลแม่สรวย โดยจะมีนายลูกน้องของนายจะกุ เป็นคนประสานงาน หลังจากทำการสอบสวนและชยายผลแล้ว เจ้าหน้าที่จึงนำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนดำดำเนินคดีในข้อหา “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) โดยการมีไว้เพื่อการค้าโดยไม่ใด้รับอนุญาตเพื่อการค้าและเป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในหมู่ประชาชน เป็นการกระทำโดยหัวหน้า ผู้มีหน้าที่สั่งการหรือมีหน้าที่จัดการในเครือข่ายอาชญากรรม และทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป” และข้อหา “มีและพกพาอาวุธปินและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต”

  • พิษณุโลก บชร.3 ครบรอบ 54 ปี พระสงฆ์เจิมอาคารหลังใหม่

    พิษณุโลก บชร.3 ครบรอบ 54 ปี พระสงฆ์เจิมอาคารหลังใหม่

    วันที่ 12 พฤศจิกายน 2566 พลตรี นพดล ยงพาณิชย์ ผู้บัญชาการกองบัญชาการช่วยรบที่ 3 (บชร.3)พร้อมผู้บังคับหน่วยขึ้นตรง บชร.3, หัวหน้าส่วนราชการ, สมาคมแม่บ้านทหารบก สาขากองบัญชาการช่วยรบที่ 3, ข้าราชการ, พนักงานราชการ และลูกจ้างกองบัญชาการกองทัพภาคที่ 3 ร่วมประกอบพิธีเพื่อความเป็นสิริมงคล เนื่องในวันสถาปนากองบัญชาการช่วยรบที่ 3 ครอบรอบปีที่ 54 กองบัญชาการกองทัพภาคที่ 3

    ภายในงานมีพิธีถวายสักการะพระพุทธเอกาทศรถสุคตญาณประทานพร, พิธีสักการะศาลพ่อขุนศรีอินทราทิตย์, พ่อปู่ขุนเณร,พิธีสักการะพระตำหนักสมเด็จพระเอกาทศรถ,พ่อปู่ทรัพย์-พ่อปู่ผาชัย ,พิธีบวงสรวงพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเอกาทศรถ และพิธีบำเพ็ญกุศลเพื่อเป็นสิริมงคลแก่หน่วย ข้าราชการและครอบครัวและอุทิศส่วนกุศลให้แก่กำลังพลที่ล่วงลับ

    โดยมี พลเอก ถนอม วัชรพุทธ อดีตแม่ทัพภาคที่ 3 เป็นประธาน ณ อาคารกองบัญชาการช่วยรบที่ 3 ซึ่งพระสงฆ์ได้ปะพรมน้ำมนต์แก่กำลังพลและเจิมอาคารใหม่อีกด้วย ทั้งนี้ กองบัญชาการช่วยรบที่ 3 เป็นหน่วยส่งกำลังบำรุงแก่หน่วยทางการรบในพื้นที่กองทัพภาคที่ 3 อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุด

  • พระพุทธรูปโบราณ หน้าหวานอายุ กว่า 500 ปี ญาติโยมกราบไหว้ขอพรหลงใหลจนไม่กลับบ้าน

    พระพุทธรูปโบราณ หน้าหวานอายุ กว่า 500 ปี ญาติโยมกราบไหว้ขอพรหลงใหลจนไม่กลับบ้าน

    พระพุทธรูปโบราณ หน้าหวานอายุ กว่า 500 ปี ญาติโยมกราบไหว้ขอพรหลงใหลจนไม่กลับบ้าน

    วันที่ 11 พย 66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากชาวบ้านร่ำลือว่ามีพระพุทธรูปปูนปั้นโบราณอายุกว่า500ปี ภายใน วิหารวัดเชียงทอง บ้านศาลา ม.8 ต. ท่าวังทอง อ.เมือง จ.พะเยา มีลักษณะใบหน้าหวานหลังจากที่ญาติโยม เข้ากราบไหว้ในวันสำคัญทางพุทธศาสนา แล้วเสร็จทำให้แปลกใจจะพากันนั่งมองหลงใหลไปตาม ๆ กันซึ่งพระพุทธรูปองค์ดังกล่าวเป็นพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัย ศิลปะล้านนา มีขนาดหน้าตักประมาณ 1เมตร สูง 1.50 เมตร เป็นพระสาวก ด้านซ้ายจะมีลักษณะรูปร่างอิ่มเอิบใบหน้ากลม ขาว คิ้วบาง ตาหวานและปากแดงขมูกโด่ง จะมีลักษณะยิ้มหวาน จมูกโด่ง ผิวออกชมพู จีวรสีทองเหลืองอร่าม ซึ่งได้สร้างความแปลกใจผู้คนเป็นอย่างมาก บางคนได้มากราบไหว้ขอพรจะหลงไหลในองค์พระจนไม่อยากกลับบ้าน ซึ่งถือว่าเป็นพระพุทธรูปโบราณ ที่ศักดิ์สิทธิ์ มีเมตตาบารมีสูง และเป็นที่เคารพเลื่อมใส ศรัทธา ของชาวบ้านตลอดจนศรัทธาญาติโยมทั้งในและนอกพื้นที่ตลอดจนต่างประเทศ

    พระครูไพจิตร ธรรมภรณ์ เจ้าอาวาสวัดเชียงทอง เล่าว่า ตามประวัติที่ผู้เฒ่าผู้แก่ ได้เล่าให้ฟังว่าครูบาที่มาสร้างวัด สมัยนั้น ได้สร้างพระพุทธรูปองค์ประธาน ก่อนซึ่งมีขนาดหน้าตัก 1.5 เมตรสูงประมาณ 2 เมตร หลังจากนั้นพระลูกศิษย์ของครูบา จึงได้สร้างพระพุทธ องค์ด้านขวามือที่มีขนาดหน้าตัก 1 เมตรและสูง 1.5 เมตร หลังจากนั้นจึงได้สร้างพระพุทธรูปองค์ด้านซ้ายของพระประธาน หลังจากปั้นเสร็จ ได้บรรจุหัวใจทิพพญาธรสำหรับ พระพุทธรูปองค์ด้านซ้ายของพระประธานเป็นพิเศษ หลังปั้นเสร็จจึงมีพิธีเฉลิมฉลอง เมืรอเสร็จงานพิธีศรัทธาญาติโยม ที่เข้ามาร่วมงานเฉลิมฉลองจะไม่ค่อยกลับบ้านกัน จะมานั่งมองนั่งชม องค์พระองค์ด้านซ้ายของพระประธาน แต่ละคนจะหลงใหลในหน้าหวานขององค์พระ ไม่ยอมกลับบ้าน จนครูบาที่สร้างต้องบอก ญาติโยมให้กลับบ้าน

    สำหรับการสร้างองค์พระประธานในวิหาร ของวัดเชียงทองแห่งนี้ มี 3 องค์ องค์กลางคือพระพุทธเจ้า องค์ขวา คือพระสารีบุตร และองค์ด้านซ้าย คือพระโมคคัลลานะซึ่งจะมีฤทธิ์เดชเยอะ ทางครูบาผู้จัดสร้างจึงปั้นให้ดูดีดูอ่อนหวาน และนำหัวใจทิพพญาธรใส่เข้าไปและลงคาถาใส่ความเมตตามหานิยมซึ่งทำให้คณะศรัทธาญาติโยมที่เข้ามานั่งมองดูความอิ่มเอิบยิ้มแบบหวานๆ ขององค์พระพุทธรูป ดังกล่าวหลงไหลจนไม่กลับบ้าน แต่ละคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า พระเจ้ายิ้มหวาน หรือหน้าหวาน

    ปัณณวิชญ์ อยู่ดี จังหวัดพะเยา

  • รวบเจ้าของร้านขายน้ำกระท่อม ไม่มีเอกสารขออนุญาตเปิด พบวัยรุ่นกว่า 60 คน

    รวบเจ้าของร้านขายน้ำกระท่อม ไม่มีเอกสารขออนุญาตเปิด พบวัยรุ่นกว่า 60 คน

    รวบเจ้าของร้านขายน้ำกระท่อม ไม่มีเอกสารขออนุญาตเปิด พบวัยรุ่นกว่า 60 คน

    เวลา 01.32 น. วันที่ 11 พฤศจิกายน 2566 คณะทำงานจัดระเบียบสังคมแบบบูรณาการจังหวัดเชียงราย นำโดยนายกองรบ กระทุ่มนัด ป้องกันจังหวัดเชียงราย ที่ทำการปกครองอำเภอเมืองเชียงราย กอ.รมน. ตำรวจ สภ.บ้านดู่ สาธารณสุขจังหวัดเชียงราย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ภายใต้การอำนวยการของ นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และนายศรัณยู มีทองคำ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เข้าตรวจสอบร้านมายันท่อม ตั้งอยู่เลขที่ 357 หมู่ที่ 8 ตำบลบ้านดู่ อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย

    พบเยาวชนอายุระหว่าง 18 – 25 ปี กว่า 60 คน นั่งดื่มกินน้ำกระท่อม กันอยู่เป็นกลุ่มทั้งในร้าน และริมถนน จากการตรวจสอบภายในร้านพบพนักงานแสดงตัวเป็นคนดูแลร้าน จำนวน 1 คน

    จากการตรวจสอบใบอนุญาต ไม่พบหนังสือรับรองการแจ้งการสะสมอาหาร และตรวจร้านดังกล่าวยังไม่มีการตรวจความปลอดภัยของอาหารและไม่ได้ส่งมอบสลากให้สำนักงานอาหารและยาตรวจอนุมัติก่อนนำไปใช้ตามเงื่อนไขของประกาศกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยอาหารใหม่หรือที่ผลิตเพื่อการส่งออกเท่านั้น เจ้าหน้าจึงได้ควบคุมตัว ส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป