พิษณุโลก พบอีก ! แหล่งโบราณคดี “ถ้ำกาละมัง” ร่องรอยจารึกโบราณอายุกว่า 2,000 ปี ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูขัด
วันนที่ 22 สิงหาคม 2568 นายมงคล คำสุข หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูขัด และหัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบางยาง เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 19 – 21 สิงหาคม 2568 จัดทีมเจ้าหน้าที่ออกลาดตระเวนในพื้นที่ป่าเขาตอนหาบ-ป่าน้ำตอน-ป่าถ้ำกา ภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูขัด ท้องที่ตำบลนาบัว อำเภอนครไทย ระหว่างลาดตระเวนพบแหล่งโบราณคดี “ถ้ำกา” (กา หมายถึง รอยขีด/รอยหมายไว้) ที่ระดับความสูง 457 เมตร เหนือระดับน้ำทะเลปานกลาง
ถ้ำแห่งนี้เป็นลักษณะเพิงถ้ำตามไหล่เขาภูคราด สภาพทั่วไปเป็นเพิงถ้ำหินทรายตั้งอยู่ไหล่เขาภูคราด ล้อมรอบด้วยป่าเบญจพรรณ อยู่ในลุ่มน้ำตอน พื้นที่ใต้เพิงถ้ำมีขนาดประมาณ 160 ตารางเมตร มีก้อนหินเล็กใหญ่ทับถมกันคล้ายผนังและเพดานถ้ำถล่มลงมาทับถมเป็นเวลานาน ที่สำคัญคือ พบร่องรอยการขีดขูด (กา) หรือ “รอยจารึกโบราณ” (Art Rock) จำนวนมาก โดยถ้ำกานี้ อยู่ห่างจากถ้ำตากึง ซึ่งพบก่อนหน้านี้ ประมาณ 1 กม.(ตามข่าว 17 ส.ค.68)
จึงได้ประสานงานกับนักโบราณคดี สำนักศิลปากรที่ 6 (สุโขทัย) ประเมินเบื้องต้นว่า ร่องรอยจารึกเหล่านี้อยู่ในยุคก่อนประวัติศาสตร์ (ช่วงยุคเหล็ก) อายุอยู่ในช่วง 1,500 – 2,000 ปี สอบถามชาวบ้านน้ำตอน-นาคล้อ-นาคล้าย ระบุว่า เคยก่อตั้งเป็นชุมชนในหุบเขาชิดแนวเขต แต่ก่อนมีรอยขูดขีดหลากหลายมาก เป็นรูปคล้ายๆ ถ้วยชามหรือกาละมังก็มี จนเรียกกันว่า ถ้ำกาละมัง ถ้าปัจจุบันไม่เห็นรอยขูดขีดนี้เหลืออยู่ ก็น่าจะเกิดจากเพดาน/ผนังถ้ำถล่ม
ทั้งนี้ ถ้ำกาหรือถ้ำกาละมัง มีอายุอยู่ในยุคเดียวกับถ้ำตากึง, ผาบ่อง, ถ้ำเสา, ผาขีด, ผาสบแลน, หินตั้งเบี้ย, หินหำตั้ง, ผาประตูเมือง, หินสามพี่น้อง และอีกหลายๆ แห่งที่พบในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูขัด, เขตห้ามล่าสัตว์ป่าบางยาง และถ้ำกาเล็ก, ถ้ำกาใหญ่ ในอุทยานแห่งชาติน้ำตกชาติตระการ ท้องที่อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก ส่วนรายละเอียดเพิ่มเติม ต้องรอนักโบราณคดีเข้าพิสูจน์ต่อไป
หัวหน้าเขตฯ เปิดเผยอีกว่า ช่วง 4 ปีที่ผ่านมาได้กำชับชุดลาดตระเวนให้หมั่นสังเกตตามหน้าผา เพิงถ้ำ โขดหินที่มีลักษณะแปลกประหลาดหรือมีอัตลักษณ์หรือจุดที่เป็นหน้าผาที่สามารถมองเห็นได้ไกลๆ ยอดเขาที่สูงเด่นเห็นแต่ไกล ผนวกกับได้ร่วมทำงานกับนักโบราณคดี ซึ่งได้ให้คำแนะนำหรือหลักการสังเกตุทรัพยากรธรณีหรือชื่อภูเขาตามแผนที่ทหาร ที่มีชื่อแปลกๆ อาจจะพบแหล่งโบราณคดีได้ เนื่องจากพื้นที่อำเภอนครไทย เป็นแหล่งประวัติศาสตร์อยู่แล้ว ประกอบกับพื้นที่ป่าอนุรักษ์ เป็นแหล่งอนุรักษ์แหล่งโบราณคดีที่สำคัญยิ่ง และคงหลักฐานที่ใกล้เคียงความจริงที่สุด เมื่อเทียบกับแหล่งโบราณคดีในเขตเมืองหรือพื้นที่เกษตรกรรม
ซึ่งถูกทำลายและแต่งเติมจากคนในยุคปัจจุบันมาก และแหล่งโบราณคดีที่พบในพื้นที่ภูขัด จะมีรูปแบบรอยขูดขีดสัมพันธ์ใกล้ชิดกับแหล่งโบราณคดีในภาคอีสานเป็นอย่างยิ่ง และคาดว่า ถ้าสำรวจอย่างจริงจัง ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูขัด, เขตห้ามล่าสัตว์ป่าบางยาง อช.น้ำตกชาติตระการและป่าอนุรักษ์ใกล้เคียงในกลุ่มป่าภูเมี่ยง-ภูทอง น่าจะมีโอกาสพบแหล่งโบราณคดีอีกไม่น้อย และน่าจะเป็นป่าอนุรักษ์ในลำดับต้นๆ ที่อาจจะต้องมีกฎหมายคุ้มครองแหล่งโบราณคดี