เจ้าของ “วงษ์พาณิชย์” ขยะถูกเพลิงไหม้ ยกเลิกประชุมบินกลับด่วนจากฮ่องกง

วันที่ 26 ม.ค. 67 กรณีเหตุการณ์เพลิงไหม้กองขยะรีไซเคิล ภายในบริเวณ บริษัทวงษ์พาณิชย์ สำนักงานใหญ่ ต.ท่าทอง อ.เมือง จ.พิษณุโลก ในช่วง 03.00 น. ที่ผ่านมา โดยเพลิงได้โหมลุกไหม้อย่างหนัก ทางเจ้าหน้าที่ต่างๆเร่งระดมฉีดน้ำสกัดให้เพลิงอยู่ในวงจำกัด และป้องการลุกลามไปติดกองขยะรีไซเคิลกองอื่นที่อยู่ใกล้ ตลอดทั้งบ้านเรือนประชาชนที่อยู่ใกล้เคียง

ล่าสุด พลโท ประสาน แสงศิริรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 3 ได้เดินไปที่บริษัทวงษ์พาณิชย์ สำนักงานใหญ่ บริเวณที่เกิดเหตุ เพลิงไหม้กองขยะรีไซเคิล เพื่อสอบถามและติดตามความคืบหน้าเหตุการณ์ดังกล่าว พร้อมไปให้กำลังใจเจ้าที่ทหาร ที่ได้ส่งกำลังมาสนับสนุนตั้งแต่เกิดเหตุ โดยขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ดับเพลิงสามารถระงับเพลิงที่ลุกไหม้ และควบคุมในพื้นที่จำกัดได้อย่างสมบูรณ์ เพื่อไม่ให้เพลิงลุกลามขึ้นมาอีก แต่ยังมีการฉีดน้ำหล่อเลี้ยงเอาไว้ตลอดเวลา เนื่องจากใต้กองขยะรีไซเคิลมีการประทุขึ้นเป็นบางครั้ง ซึ่งอาจจะทำให้เพลิงลุกไหม้ขึ้นมาได้อีกครั้ง

ทั้งนี้ตลอดทั้งวัน ทางเจ้าหน้าที่ดับเพลิงได้ฉีดน้ำหล่อเลี้ยงเอาไว้ โดยใช้รถแบคโฮจำนวน 3 คัน ในการขุดตักขยะรีไซเคิลและฉีดน้ำดับไฟที่ยังระอุอยู่ โดยเฉพาะบริเวณที่มีควันลอยขึ้นมา เนื่องจากใต้กองขยะรีไซเคิลยังมีความร้อนระอุ สามารถที่จะลุกไหม้ได้ตลอดเวลา จึงจำเป็นต้องขุดตักเศษขยะรีไซเคิลขึ้นมาก่อน เพื่อจะได้ฉีดน้ำลงไปใต้กองขยะให้ได้มากที่สุด พร้อมกับใช้ขยะที่เปียกน้ำเป็นแนวกันไฟ ป้องกันการลุกลามไปยังพื้นที่ใกล้เคียง โดยเฉพาะตัวอาคารสำนักงานที่อยู่ใกล้เคียงมากที่สุด เนื่องจากมีควันคุกรุ่นลอยขึ้นมาตลอดเวลา

ส่วนสาเหตุของไฟไหม้ครั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ทราบแน่ชัดว่า เกิดจากสาเหตุอะไร ต้องควบคุมสถานการณ์ให้กองเพลิงสงบก่อน ทั้งนี้ต้องรอจนกว่าเปลวไฟดับลงจนสนิท ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน จึงจะสามารถเข้าตรวจสอบที่กองขยะรี ไซเคิลได้

พลโท ประสาน แสงศิริรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 3 กล่าวว่า ทางกองทัพได้ส่งกำลังและรถบรรทุกน้ำมาช่วยตั้งแต่เกิดเหตุของคืนที่ผ่านมา เพื่อปฏิบัติหน้าที่กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะวงษ์พาณิชย์เป็นพันธมิตรกับกองทัพ ที่ได้ช่วยในการกำจัดขยะให้กับกองทัพด้วยดีเสมอมา หลังจากนี้ถ้ากำลังไม่พอ ทางกองทัพจะเพิ่มกำลังพลส่งเข้ามาช่วยอีก จนกว่าจะมีการดำเนินจนแล้วเสร็จ ส่วนการการควบคุมเพลิงถือว่าทางบริษัทดำเนินการได้ดี สามารถจัดการได้เป็นอย่างดี ไม่ห่วงเรื่องนี้เท่าไร แต่ตนเป็นห่วงเรื่องมลพิษจากควัน กลิ่น และน้ำจากการดับไฟมากกว่า

โดยในวันนี้ ดร.สมไทย วงศ์เจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทวงษ์พาณิชย์กรุ๊ป จำกัด ขณะเกิดเหตุเพลิงไหม้อยู่ที่ต่างประเทศ หลังจากทราบข่าว จึงได้บินด่วนเดินทางกลับจากฮ่องกง มาถึงช่วงบ่ายที่ผ่านมา พร้อมได้เข้าตรวจสอบความเสียหายที่บริษัทของตนเอง นอกจากนั้นได้เรียกพนักงาน เจ้าหน้าที่ และคนงานบริษัทมาสอบถามเกี่ยวกับขั้นตอนการทำงานขณะเกิดเหตุหรือไม่ เนื่องจากที่ผ่านมาได้มีการซักซ้อมแผนเผชิญเหตุไฟไหม้อยู่เป็นประจำ ว่าได้ดำเนินตามขั้นตอนที่ถูกต้องหรือไม่ เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานและมีประสิทธิภาพมากที่สุด

ดร.สมไทย วงศ์เจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทวงษ์พาณิชย์กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า บริษัทของเป็นบริษัทแบบ International มีคณะทั่วโลกมาดูงาน เราทำให้มีมาตรฐานในหลักสากล โดยเฉพาะหลักป้องกันเหตุภัยต่างๆ จะมีการซ้อมแผนเผชิญเหตุมีทาง ปภ. มาเป็นประจำ ซึ่งจะมีการซ้อมทุกๆที่ มีการซ้อมทุกเรื่อง ตั้งแต่การเผชิญเหตุ เพลิงไหม้ แก๊สระเบิด วาตภัย หรือภัยพิบัติทุกด้าน ตามหลักวิชาการ ที่มีความพร้อมตั้งแต่เครื่องสูบน้ำจำนวน 4 เครื่อง สายฉีดน้ำเร็วยาวถึง 3,000 เมตร การลากสาย การม้วนสาย การเก็บสาย และการเข้าไปใช้น้ำมีทั้งระดับต่ำ ระดับบนเราซ้อมหมด และอุปกรณ์ถังดับเพลิงเรามีกว่า 200 ถังรอบโรงงาน แต่ตอนเกิดเหตุตีสอง คนหลับหมด มีเพียง รปภ. ถ้าไฟไหม้ที่ตัวอาคารด้วยความสูญเสียจะมากถึง 100 ล้านบาท

“เรามีระบบสัญญาณไซเรนถ้าเกิดเหตุจุดไหนเราจะทราบทันที แต่ละคนต้องรู้หน้าที่ว่าจะดำเนินการอย่างไร ตามขั้นตอนที่ได้ฝึกซ้อมกันมา ซึ่งมีการซ้อปีละ 4 ครั้ง ส่วนจุดเกิดเหตุอยู่นอกอาคาร ซึ่งเป็นขยะมาจากโครงการพิษณุโลกใช้ประโยชน์จากขยะรีไซเคิล ร่วมงานกับทางจังหวัด เรารับอาสาเอาขยะไปคัดแยก ขยะแห้ง ขยะเปียก ถ้าขยะแห้งที่สะอาดเราจะนำมาบดส่งโรงงานไฟฟ้า พอดีเครื่องเราเสียได้ประมาณ 3 อาทิตย์ จึงทำให้การทำงานชะงัก แต่ขยะมีเข้ามาทุกวัน ตอนนี้ตนได้สั่งไปก่อน ซึ่งคิดว่าจะขอหยุด 1 เดือน ขอให้เคลียร์ตรงนี้ให้เสร็จก่อน ตรงจุดที่ไฟไหม้ มีขยะประมาณ 60-70 ตัน มีการขุดคุ้ยออกมาและฉีดน้ำ สาเหตุที่ติดไฟ เพราะมันฟู แต่สาเหตุเพราะอะไรนั้นยังไม่แน่นใจ สิ่งที่กังวลที่ไม่ต้องให้หมอกควันลอยออกไปกระทบต่อประชาชนและชุมชน หากมีบุคคลที่ได้รับผลกระทบ จากมลพิษต่างที่เกิดขึ้นต้องนำส่งโรงพยาบาลพบแพทย์ ซึ่งทางบริษัทรับผิดชอบอย่างเต็มที” ดร.สมไทย กล่าว