“วันยุทธหัตถี”สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงมีชัยชนะเหนือพระมหาอุปราชา

วันที่ 18 มกราคม 2565  วันกองทัพไทย เป็นวันที่ระลึกสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงกระทำยุทธหัตถี และทรงมีชัยชนะเหนือพระมหาอุปราชา (มังกะยอชวา หรือมังสามเกียด) และทัพพม่า วันจันทร์ แรม 2 ค่ำ เดือนยี่ ปีมะโรง จุลศักราช 954  ตรงกับวันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2135 โดยถือวันที่ 18 มกราคม ของทุกปีเป็นวันกองทัพไทย

จากเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ระบุว่า ในปี พ.ศ. 2135 พระเจ้านันทบุเรง โปรดให้พระมหาอุปราชา(มังสามเกียด) นำกองทัพทหารสองแสนสี่หมื่นคน  มาตีกรุงศรีอยุธยา หมายจะเอาชนะศึกในครั้งนี้ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงทราบ จึงทรงเตรียมไพร่พล มีกำลังหนึ่งแสนคน เดินทางออกจากบ้านป่าโมกไปสุพรรณบุรี ข้ามน้ำตรงท่าท้าวอู่ทอง และตั้งค่ายหลวงบริเวณน้องสาหร่าย เช้าวันจันทร์ แรม 2 ค่ำ เดือนยี่ ปีมะโรง พ.ศ. 2135 

สมเด็จพระนเรศวรมหาราช และสมเด็จพระเอกาทศรถ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงช้างนามว่าเจ้าพระยาไชยานุภาพ สมเด็จพระเอกาทศรถทรงช้างนามว่าเจ้าพระยาปราบไตรจักร ช้างทรงของทั้งสองพระองค์นั้นเป็นช้างชนะงา คือช้างมีงาที่ได้รับการฝึกให้รู้จักการต่อสู้มาแล้ว หรือเคยผ่านสงครามชนช้างชนะช้างตัวอื่นมาแล้ว ซึ่งเป็นช้างกำลังตกมัน ในระหว่างการรบจึงวิ่งไล่ตามพม่าหลงเข้าไปในแดนพม่า มีเพียงทหารรักษาพระองค์และจตุรงคบาท เท่านั้นที่ติดตามไปทัน

สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทอดพระเนตรเห็นพระมหาอุปราชา ทรงพระคชสารอยู่ในร่มไม้กับเหล่าท้าวพระยา จึงทราบว่าช้างทรงของสองพระองค์ หลงถลำเข้ามาถึงกลางกองทัพข้าศึก และตกอยู่ วงล้อมข้าศึกแล้ว แต่ด้วยพระปฏิภาณไหวพริบของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงเห็นว่าเป็นการเสียเปรียบข้าศึก จึงไสช้างเข้าไปใกล้ แล้วตัดถามด้วยความคุ้นเคยมาก่อนแต่วัยเยาว์ว่า

“พระเจ้าพี่เรายืนอยู่ใยในร่มไม้เล่า เชิญออกมากระทำยุทธหัตถีด้วยกัน ให้เป็นเกียรติยศไว้ในแผ่นดินเถิด ภายหน้าไปไม่มีพระเจ้าแผ่นดินที่จะได้ ยุทธหัตถีแล้ว”

พระมหาอุปราชา ได้ยินดังนั้น จึงไสช้างนามว่าพลายพัทธกอ เข้าชนเจ้าพระยาไชยานุภาพเสียหลัก พระมหาอุปราชาทรงฟันสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ด้วยพระแสงของ้าว แต่สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงเบี่ยงหลบทันจึงถูกฟันพระมาลาหนังขาด จากนั้นเจ้าพระยาไชยานุภาพชนพลายพัทธกอเสียหลัก  สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงฟันด้วยพระแสงของ้าวถูกพระมหาอุปราชาเข้าที่อังสะขวาสิ้นพระชนม์อยู่บนคอช้าง สมเด็จพระเอกาทศรถ ทรงฟันเจ้าเมืองจาปะโรเสียชีวิตเช่นเดียวกัน

ภายหลังทัพหลวงไทยตามมาช่วยทัน จึงรับทั้งสองพระองค์กลับพระนคร ฝ่ายพม่า จึงยกทัพกลับกรุงหงสาวดีไป นับแต่นั้นมาไม่มีกองทัพใดกล้ายกมากกล้ำกรายกรุงศรีอยุธยาเป็นระยะเวลายาวนาน

สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ไทยลำดับที่ 18 แห่งราชอาณาจักรกรุงศรีอยุธยา เสด็จพระราชสมภพที่เมืองพิษณุโลก ปีเถาะ พ.ศ. 2098 ทรงมีสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชเจ้า ซึ่งเป็นพระเจ้าแผ่นดินราชวงศ์สุโขทัย องค์แรกที่ครองกรุงศรีอยุธยาพระราชบิดา และมีพระราชชนนี คือพระวิสุทธิกษัตรีย์ พระราชธิดาของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ กับพระสุริโยทัย

ต่อมาเมื่อมีพระชนมายุ 35 พรรษา พระมหาธรรมราชา พระบิดาเสด็จสวรรคต พระองค์ จึง เสด็จขึ้นครองราชสมบัติ และได้ทรงสถาปนาพระเอกาทศรถ เป็นพระมหาอุปราชา แต่ให้มีพระเกียรติสูงเสมอพระเจ้าแผ่นดินอีกพระองค์หนึ่ง