ป.ป.ช.ชี้มูล!! “ปลัด”เทศบาลตำบลบ้านมุง อำเภอเนินมะปราง ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ มาตรา157

นายสมยศ กาสี ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ประจำจังหวัดพิษณุโลก เปิดเผยว่า คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ชี้มูลความผิดผู้ถูกกล่าวหา

ผู้ถูกกล่าวหา
๑.นายวริศ  ว. ปลัดเทศบาลตำบลบ้านมุง อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก   ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1
๒.นายคำนวณ  ห.  สมาชิกเทศบาลตำบลบ้านมุง       ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๒  
๓.นายสุวัจน์  ว.  สมาชิกเทศบาลตำบลบ้านมุง          ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓
๔.นายสนั่น  พ.  สมาชิกเทศบาลตำบลบ้านมุง           ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๔
๕.นางรุ่งนภา  ท.  สมาชิกเทศบาลตำบลบ้านมุง         ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๕
๖.นายสนิท  ม.  สมาชิกเทศบาลตำบลบ้านมุง           ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๖
๗.นางสมบูรณ์  ด.  สมาชิกเทศบาลตำบลบ้านมุง        ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๗
๘.นางปริชาติ  ม.  สมาชิกเทศบาลตำบลบ้านมุง         ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๘
๙.นายประมวล  ก.  สมาชิกเทศบาลตำบลบ้านมุง       ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๙
๑๑.นายอรรถพล  ช.  สมาชิกเทศบาลตำบลบ้านมุง     ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๑๐  
๑๑.นายอำนวย  ผ.  สมาชิกเทศบาลตำบลบ้านมุง       ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๑๑
๑๒.นายพรชัย  ส.  สมาชิกเทศบาลตำบลบ้านมุง        ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๑๒
๑๓.นายสังวาลย์  ศ.  กำนันตำบลบ้านมุง                 ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๑๓
๑๔.นายสุจินต์  ส. ประธานสภาเทศบาลตำบลบ้านมุง  ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๑๔

ข้อกล่าวหาและพฤติการณ์แห่งการกระทำความผิดตามข้อกล่าวหา
๑. จัดประชุมประชาคมเพื่อให้ความเห็นต่อการขอประทานบัตรโครงการเหมืองแร่อุตสาหกรรม
ชนิดหินปูน (เพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง) ของบริษัท เจ คอนสตรัคชั่น จำกัด ตามคำขอประทานบัตรที่ ๑/๒๕๕๖ เนื้อที่ ๒๘๒ ไร่ ๒ งาน ๙๖ ตารางวา ในเขตแหล่งหินอุตสาหกรรมเขาเนินน้ำซับ ตำบลบ้านมุง อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก  ไม่เป็นไปตามคู่มือวิธีปฏิบัติงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เรื่อง การให้ความเห็นในการพิจารณาอนุญาตประทานบัตรเหมืองแร่ พ.ศ. ๒๕๔๕ และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน พ.ศ. ๒๕๔๘
  ๒. เรียกรับเงินค่าตอบแทนการในการพิจารณาให้ความเห็นชอบโครงการดังกล่าว

มติคณะกรรมการ ป.ป.ช.
คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณาในการประชุมครั้งที่  13/2567 เมื่อวันที่ 30  มกราคม 2567  มีมติเป็นเอกฉันท์ ดังนี้

การกระทำของนายวริศ  ว.  ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๑ มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗ และฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา ๑๒๓/๑ (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๑๗๒) และมีมูลความผิด
ทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบ เพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ที่มิควรได้เป็นการทุจริตต่อหน้าที่ราชการ และฐานปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ ระเบียบของทางราชการ มติของคณะรัฐมนตรี หรือนโยบายของรัฐบาล อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง 
ตามประกาศคณะกรรมการพนักงานเทศบาลจังหวัดพิษณุโลก เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการสอบสวน 
การลงโทษทางวินัย การให้ออกจากราชการ การอุทธรณ์ และการร้องทุกข์ ฉบับลงวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๔๔ ข้อ ๓ วรรคท้าย และข้อ ๖

ส่วนนายคำนวณ  ห.  ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๒ นายสุวัจน์  ว.  ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ นายสนั่น  พ.  ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๔ นางรุ่งนภา  ท. ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๕ นายสนิท  ม.  ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๖ นางสมบูรณ์  ด. ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๗ 
นางปริชาติ  ม.  ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๘ นายประมวล  ก.  ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๙ นายอรรถพล  ช.  ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๑๐   นายอำนวย  ผ.  ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๑๑ นายพรชัย  ส.  ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๑๒ และ นายสุจินต์  ส. ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๑๔ จากการไต่สวนเบื้องต้นไม่ปรากฏข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน ที่จะฟังได้ว่าได้กระทำความผิดตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป

สำหรับนายสังวาลย์  ศ.  ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๑๓ จากการไต่สวนเบื้องต้น ปรากฏว่าเป็นผู้มีหน้าที่ดำเนินการจัดประชุมเพื่อรับฟังการชี้แจงการดำเนินการโครงการทำเหมืองแร่จากเจ้าของโครงการตามคู่มือวิธีปฏิบัติงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เรื่อง การให้ความเห็นในการพิจารณาอนุญาตประทานบัตรเหมืองแร่ พ.ศ.๒๕๔๕ และเป็นประธานในการประชุมประชาคม ประจำเดือนเมษายน ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๔/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๘ เมษายน ๒๕๕๘ แต่ไม่ปฏิบัติตามคู่มือวิธีปฏิบัติงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเรื่อง การให้ความเห็นในการพิจารณาอนุญาตประทานบัตรเหมืองแร่ พ.ศ.๒๕๔๕ ข้อ ๑ ข้อ ๒ เป็นการไม่ดำเนินการตามแนวทางปฏิบัติในส่วนของรายละเอียด ซึ่งมิใช่สาระสำคัญของการดำเนินการตามคู่มือฯ จึงเป็นเพียงการบกพร่องในเรื่องเล็กน้อยและมิใช่เป็นความผิดร้ายแรง จึงให้ส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาหรือผู้มีอำนาจแต่งตั้งหรือถอดถอนดำเนินการทางวินัยไปตามหน้าที่และอำนาจ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.๒๕๖๑ มาตรา ๖๔

ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี และส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อดำเนินการทางวินัยกับ นายวริศ  ว. ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๙๑ (๑) และ (๒) และมาตรา ๙๘ แล้วแต่กรณีต่อไป

♡♡ การชี้มูลความผิดของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่ถือเป็นที่สุด ผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด♡♡

error: Content is protected !!