โฟกัสสนามเลือกตั้งนายกเทศบาลนครพิษณุโลก”เปรมฤดี-ศิริชิน” ระวังตาอยู่เขมือบ

เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2568 มีการเปิดรับสมัครนายกเทศมนตรีนครพิษณุโลก วันแรกย่อมเฮฮาคึกคักต่างฝ่ายยกกองเชียร์มาโหมโรงกันแต่เช้าตรู่ ไชโยโห่ร้องกันกึกก้องเทศบาลนคร เตรียมพวงมาลัย ดอกไม้มาอวยกันอย่างครึกโครม โดยเฉพาะคณะลูกนเรศวร ที่มีเปรมฤดี ชามพูนท “หญิงเหล็ก” เป็นหัวหน้าคณะ ผู้สมัครหมายเลข 3 มีความเก๋าเกมส์ทางการเมือง เพราะยึดเก้าอี้มาหลายสมัย มีประสบการณ์ทางการเมืองนั่งอยู่ในใจคน เป็นคนเดินตลาด ดำเนินกิจกรรมโลดแล่นปรากฎมาให้เห็นมากมายอย่างมืออาชีพเคลื่อนไหว ตลอดเวลา ผู้คนรู้จักฝีไม้ลายมือไม่น้อยหน้าใคร

ประกอบกับในฐานะภรรยานายสุชน ชามพูนท อดีต สส.พิษณุโลก หลายสมัย และอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และรัฐมนตรีประสำนักนายกรัฐมนตรี นับว่าเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวร้านตลาด และนักธุรกิจเมืองพิษณุโลกมาอย่างยาวนาน ซึ่งนายสุชนค่อนข้างฝังรากลึกในจิตใจพวกพ้อง”ใจถึงพึ่งได้” ซึ่งจะเป็นบทพิสูจน์ครั้งสุดท้ายของหญิงที่ชื่อ “เปรมดี ชามพูนท”

ส่วนกองเชียร์ทีมไม่ด้อยไปกว่ากันคือนายศิริชิน หรือโก๋ หาญพิทักษ์พงศ์ ผู้สมัครหมายเลข 1อดีตรองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก ทีมพัฒนานคร เพราะมีสมาชิกฟอร์มทีมไว้อย่างเหนียวแน่น เพราะเป็นที่ทราบกันทั่วไปอยู่ภายใต้ร่มเงาของนายมนต์ชัย วิวัฒน์ธนาฒย์ นายก อบจ. หัวหน้าคณะทีมพิษณุโลก เป็นแบล็คอัพคงไม่สามารถที่จะเป็นอีแอบได้อีกต่อไป เพราะการเลือกตั้ง สส.ครั้งที่ผ่านมา นายศิริชิน ได้ลาออกจากประธานสภา อบจ. พิษณุโลก มาลงสมัคร สส.พรรคพลังประชารัฐ พิษณุโลก เขต 2 ทีมเดียวกับ “อั๊ม”อดุลย์วิทย์ วิวัฒน์ธนาฒย์ พิษณุโลก เขต 1 บุตรชายนายมนต์ชัย แต่พ่ายแพ้ทั้งคู่ จึงดึงนายศิริชิน กลับมานั่งเก้าอี้รองนายก อบจ.นอกจากนั้นยังมีไม้คนสำคัญอีกคน คือ เล็ก อรัญญิก หรือนรินทร์ วัฒนคุณชัย อดีตนายกเทศบาลตำบลอรัญญิก อำเภอเมืองพิษณุโลก

แม้นายศิริชิน ไม่โดดเด่นในสายตาของคนเมือง แต่ยังมีนางสุวิมล ปราบศรีภูมิ อดีตรองประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก ลงทีมรองนายกเทศมนตรีประกบคู่นายศิริชิน เพราะมีน้องชายร่วมสายโลหิตลาออกจากสมาชิกสภาเทศบาล คณะลูกนเรศวรมาลงสมัคร ส.อบจ.ทีมพลังพิษณุโลก และได้เป็นสมใจนึก ประกอบกับสมาชิกสภาเทศบาลลูกนเรศวร จำนวน 3 คน คือ นายวรวีร์ ก่อวุฒิพงศ์- นายอัสวิน คูหาจิต และภูวธัช วัฒนกุลชัย ย้ายข้างไปอยู่กับทีมพัฒนานคร

ส่วนปลัดพิทักษ์ สันติวงศ์สกุล ทีมพลังชุมชน เบอร์ 2 อดีต สส.พิษณุโลก อดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และอดีตรองนายก อบจ.พิษณุโลก พาทีมที่มีความเก๋าและประสบการณ์ในการบริหารราชการแผ่นดิน มารณรงค์หาเสียงในครั้งนี้ด้วย โดยมีเป้าหมายที่จะดึงสมาชิกในเขตชุมชนมาร่วมด้วย แต่ไม่ทราบว่าจะสามารถดึงคะแนนมาได้มากน้อยเพียงใด เพราะต้องเจอกับกระสุนดินดำ

สำหรับเบอร์ 4 นายธนากร กลิ่นผกานักธุรกิจหนุ่มไฟแรง นับว่าประสบความสำเร็จในวิชาชีพทางด้านโรงแรมทั้งกรุงเทพฯ เขาค้อ และพิษณุโลก สังกัดพรรคประชาชน ฉายแววอย่างน่าจับตามอง นับว่ามีแนวร่วมวัยหนุ่มสาว และคนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบพรรคประชาชนเป็นจำนวนไม่น้อย ซึ่งผู้สมัครทุกคนมิอาจมองข้ามความปลอดภัย

เนื่องจากคะแนนพรรคประชาชนในเขตเทศบาลจากการเลือกตั้งนายก อบจ.มีคะแนนนำมาอันดับหนึ่งในเขตเทศบาล รวมทั้งการเลือกตั้งซ่อม สส.แทนหมออ๋องนายโฟล์ค หรือนายณฐชนนท์ ชนะบูรณศักดิ์ มีคะแนนมาอันดับ 1 ในเขตเทศบาลเช่นเดียวกัน

ในครั้งนั้น นางเปรมฤดี เคยร่วมด้วยช่วยกันในเขตเทศบาลในทั้งนายมนต์ชัย วิวัฒน์ธนาฒย์ ในขณะที่ลงนายก อบจ.รวมทั้งนาย “บู๊” จเด็จ จันทรา สส.พิษณุโลก เพื่อไทย ในการเลื้อกตั้งซ่อมครั้งที่ผ่านมา จนมีชัยในที่สุด

แต่ทว่าครั้งนี้นายมนต์ชัย หันหลังให้กับเปรมฤดี เพื่อผลักดันนายศิริชิน ห้ำหั่นกับนางเปรมฤดี ย่อมจะมีโอกาสเพรี้ยงพร้ำให้กับ”ตาอยู่”คู่ต่อสู้อย่างนายธนากร กลิ่นผกา แห่งพรรคประชาชน อาจเป็นไปได้ทั้งสิ้น

ดังวลีทางการเมืองว่า “ไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวรทางการเมือง” ในวันที่ 30 มีนาคม 2568 จะเป็นวันที่จะต้องชี้ชะตาทางการเมืองของเทศบาลนครพิษณุโลกอีกครั้งหนึ่ง

error: Content is protected !!