ทุ่มงบ 10 ล้านล้านหยวน ผุดแหล่งท่องเที่ยววัฒนธรรม เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมคำ เติบโตทั้งไทย- ลาว-เมียนมา

หลังจากที่มีการโจมตีอย่างหนักจากโลกภายนอก ทั้งการที่ถูกมองว่าเป็นพื้นที่สีเทา ค่อนไปทางสีดำ ของเขตเศรษฐกิจพิเศษ สามเหลี่ยมคำ ที่ตั้งอยู่ในเมือง ต้นผึ้ง แขวงห้วยทราย สปป.ลาว หรือที่รู้จักกันในนาม “คิงส์โรมัน” แน่นอนว่าในหลายปีที่ผ่านมาพื้นที่แห่งนี้ถูกมองว่าเป็นแหล่งอบายมุก ทั้งบ่อนการพนัน ยาเสพติด และการค้ามนุษย์ โดยเฉพาะในช่วงที่มีกลุ่มทุนจีนสีเทา มาลงทุนในประเทศไทย ทำให้ถูกพาดพิงจากภายนอกว่า จ้าวเหว่ย ผู้ก่อตั้งอาณาจักรคิงส์โรมัน เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง

หลังจากนั้นไม่นานได้มีการเปิดตัว เขตเศรษฐกิจพิเศษ สามเหลี่ยมคำ ให้โลกภายนอกได้เห็นอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านการค้า การลงทุน การเตอบโตของเมืองที่เป็นไปอย่างรวดเร็วแบบก้าวกระโดด รวมไปถึงมีการจัดการและกวาดล้าง การกระทำผิดกฎหมาย ออกจากเขตเศรษฐกิจพิเศษ

จ้าวเหว่ย ประธาน เขตเศรษฐกิจพิเศษ สามเหลี่ยมทองคำ กล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงในเขตเศรฐกิจพิเศษแห่งนี้ว่า ในเรื่องของยาเสพติดที่ถูกมองจากภายนอก ทางเราได้มีการจัดการมาโดยตลอด ปัจจุบันเราได้ร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่รัฐ ของรัฐบาลลาว เข้ามาเสริมในการจัดการกวาดล้างยาเสพติด นอกจากนี้ยังมีกำลังทหารเข้ามาร่วมด้วยในการป้องกันไม่ให่มีการนำเยาเสพติดเข้ามาภายในได้ ทำให้การจัดการยาเสพติดในเขตเศรษฐกิจพิเศษเป็นระบบ

นอกจากการป้องกันจากภายนอกแล้วยังมีการกวดขันภายใน หากพบว่าผู้ใดยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ก็จะควบคุมตัวมารับโทษภายในเขตเศษฐกิจพิเศษ โดยการนำไปใช้แรงงาน ตามจำนวนยาเสพติดที่พบ อาจจะ 1-2 เดือนโดยไม่ได้รับค่าจ้าง หลังจากนั้นก็จะนำตัวส่งให้กับเจ้าหน้าที่รัฐบาลลาว ดำเนินคดีตามกฎหมาย ทำให้เรื่องยาเสพติดในปัจจุบันลดลงไปอย่างมาก แม้ว่าจะยังไม่สามารถดำเนินการกวาดล้างได้ทั้งหมดแต่เราก็ได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องในการป้องกันและจัดการกับยาเสพติด

การเติบโตของเขตเศรษฐกิจพิเศษ สามเหลี่ยมคำในปัจจุบันจะเห็นได้ว่ามีการเติมโตอย่างรวดเร็ว มีนักลงทุนทั้งจาก จีน ไทย ลาว เข้ามาเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้เกิดเป็นเขตเศรษฐกิจที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งสำหรับนักลงทุน ซึ่งในเขตเศรษฐกิจพิเศษแห่งนี้ ได้มีการเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ ทั้งด้านโลจิสติก ที่มีท่าเรือน้ำลึกสำหรับ เรือสินค้าเพื่อนำเข้าสินค้ามาจำหน่าย ด้านการคมนาคม ปัจจุบันทางการก่อสร้างสนามบินสากลบ่อแก้ว ตั้งอยู่ในเมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว ประเทศลาว ห่างจากเขตตัวเมืองของเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ ไปทางทิศตะวันออก 5 กิโลเมตร ซึ่งเริ่มก่อสร้างเดือน ก.ย.2563 มูลค่าการลงทุน 175 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 5,700 ล้านบาท เพื่อรองรับการเดินทางเข้ามาของนักท่องเที่ยวและนักลงทุน โดย มีความยาวรันเวย์ปัจจุบัน 2,500 เมตร รองรับ แอร์บัส A320 และโบอิ้ง 737 ได้ครั้งละ 3 ลำ และกำลังขยายความยาวรันเวย์เป็น 4,000 เมตร เพื่อให้รองรับเครื่องบินขนาดใหญ่ได้ และเปิดใช้งานเป็นท่าอากาศยานนานาชาติ ในปี 2024

จ้าวเหว่ย กล่าวถึงเรื่องเศรษฐกิจ ในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำว่า เราไม่ได้ต้องการให้มีการติบโตเพียงเฉพาะในพื้นที่ของเราเท่านั้น เราได้มีการพัฒนาควบคู่กันไปทั้ง ที่ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย และทาง สปป.ลาว ทั้งด้านการท่องเที่ยว ขนส่ง โลจิสติก ซึ่งในอนาคต จะมีการพัฒนาร่วมกับทางท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ด้วย หลังจากนี้ จะมีการพัฒนาร่วมกันที่ดีขึ้นเพื่อให้เกิดการพัฒนาร่วมกันไปในอนาคต ทั้งในฝั่งไทย และ สปป.ลาว


“เขตเศรษฐกิจพิเศษของเรากำลังเน้นนโยบายในการส่งเสริมการท่องเที่ยวให้กับ สปป.ลาวให้มีคนนักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้น เราได้มีการลงทุนจัดทำสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ทั้งไทย จีน ลาว เพื่อเป็นศูนย์รวมวัฒนธรรมที่หลากหลาย โดยได้ทุ่งงบประมาณในการก่อสร้างโครงการนี้ประมาณ 10 ล้านล้านหยวน โดยจะมีโครงการสุวรรณคงคำ ที่กำลังพัฒนา จะทำให้เป็นสถานที่ที่น่าท่องเที่ยวมากขึ้น โดยมีแผนที่จะทำให้เกิดการท่องเที่ยวระหว่าง 2 ฝั่ง ทั้งไทย – ลาว และจะมีการจัดการท่องเที่ยวให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการโครงการอีกหลายโครงการ เช่น ส่วนน้ำ ดรีมพาร์ค ทำให้เกิดการท่องเที่ยวที่หลากให้ครอบคลุมหลายมิติ”
ประธาน เขตเศรษฐกิจพิเศษกล่าว

นอกจากเรื่องของเขตเศรษฐกิจพิเศษ และการท่องเที่ยวแล้ว ยังมีการส่งเสริมการเรียนรู้ให้กับเยาวชนที่เป็นบุตรหลานของนักลงทุน พนักงาน และผู้ที่มาทำงานในเขตเศรษฐกิจพิเศษ โดยได้มีการเปิดโรงเรียนประถมดอกงิ้วคำ ปัจจุบันได้เปิดเป็นปีแรกมีนักเรียนประมาณ 300 คน โดยมีหลักสูตรการสอน ที่เน้นภาษาจีนเป็นหลัก และมีมาตราฐานที่จะสามารถไปเรียนต่อในสถานศึกษาระดับมัธยมได้

โดยจะมีนักเรียนชาวจีน ลาว เมียนมา และไทย มาเข้าเรียน ซาซ่า ธรรมวง ครูประจำชั้นห้องเรียนภาษาลาว โรงเรียนดอกงิ้วคำ กล่าวว่า ในเรื่องภาษาจะไม่เป็นอุปสรรคของเรียน เพราะว่าแต่ละห้องจะมีครูประจำแต่ละภาษ หากนักเรียนคนไหนได้ภาษาจีนก็จะเข้าเรียนห้องภาษาจีน แต่หากใครยังไม่เก่งภาษาก็จะมีครูประจำภาษาของตนเองเป็นล่ามช่วยให้จนกว่าจะเก่งภาษาจีนแล้วจึงจะย้ายไปเรียนในห้องที่เป็นภาษาจีนเต็มรูปแบบ โดยที่นี่จะไม่มีการแบ่งแยกกันซึ่งทุกคนจะได้ทำกิจกรรมร่วมกัน โดยในห้องเรียนที่มีอายุ 15-16 ปี จะเป็นห้องเรียนที่เน้นเรื่องภาษาล้วน เมื่ออายุครบ 18 ปีก็จะสามารถที่จะไปทำงานต่อในเขตเศรษฐกิจพิเศษได้ตามกฎของเขตฯ และแน่นอนว่านักเรียนที่จบจากโรงเรียนไปจะได้ภาษา 3 ภาษาคือ ภาษาจีน ภาษาอังกฤษ และภาษาลาว ทำให้การเรียนต่อในระดับมัธยม หรือการทำงานจะได้เปรียบเรื่องการสื่อสาร