default

เชียงราย บ.สร้างเขื่อนปากแบงเปิดเวทีรับฟังผลกระทบข้ามแดน ชาวบ้านรุมค้าน “ครูตี๋”จวกการศึกษาผลกระทบสุดอัปยศ

 

default

วันที่ 18 มิถุนายน 2568 ที่ ศาลาประชาคมบ้านห้วยลึก อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย ได้มีการจัดประชุมชี้แจงข้อมูลโครงการและรับฟังความคิดเห็นโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำปากแบง (Pak Beng HPP) ซึ่งเป็นเขื่อนที่จะสร้างกั้นแม่น้ำโขงในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชน (สปป.) ลาว ห่างจากพรมแดนไทยที่ อ.เวียงแก่น 97 กิโลเมตร โดยมีผู้เข้าร่วมประมาณ 70 คน

ดร.วรวิทย์ ผดุงศรีบวร รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหารโครงการ ปากแบงพาวเวอร์ กล่าวว่าเป็นเขื่อนออกแบบให้น้ำเข้ามาเท่าไหร่ก็ไหลออกไปเท่านั้น มีการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดนและมาตรการลดผลกระทบ เขื่อนมีระดับน้ำที่หน้าเขื่อนสองระดับกักเก็บ ได้ศึกษาและลดผลกระทบ โดยจะกักเก็บที่ 340 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลปานกลาง (ม.รทก.) ในฤดูน้ำคือเดือนมิถุนายน-พฤศจิกายน ส่วนในฤดูแล้งในเดือนธันวาคม-พฤษภาคม กักเก็บที่ 335 ม.รทก. ซึ่งเป็นฤดูท่องเที่ยว เขื่อนปากแบงจะมีประตูระบายน้ำ 14 บาน ซึ่งรวมประตูระบายตะกอน อัตราการไหลของน้ำก็จะไหลออกแบบ run off river มีกังหันผลิตไฟฟ้า 16 ตัว มีทางเดินเรือ และทางผ่านปลา ซึ่งออกแบบตามข้อแนะนำโดยคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (Mekong River Commission-MRC) โครงการวางแผนจะเริ่มก่อสร้างตุลาคม 2568 โดยจะก่อสร้างที่ฝั่งขวาก่อน ขณะนี้สัญญาเงินกู้ลงนามแล้ว โดยมีเงื่อนไขให้ทำการศึกษาเพิ่มเติม และสัญญาซื้อขายไฟฟ้าที่ทำกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) มีเงื่อนไขให้ทำกองทุน 45 ล้านบาทเพื่อพัฒนากองทุนรอบโรงไฟฟ้า เหมือนกันทุกโครงการในแม่น้ำโขง

นางเยาวภา ชูวงศ์ ผู้บริหารโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำปากแบง บริษัททีมคอนซัลติ้งเอนจิเนียริ่งแอนด์แมนเนจเมนท์จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดน (TbEIA) ศึกษาว่าเขื่อนนี้ที่จะก่อสร้างในแขวงอุดมไซ จะมีอะไรบ้างที่จะข้ามพรมแดน รายงานนี้ได้ศึกษามานานแล้วที่ส่งให้รัฐบาลลาว ในการเข้ากระบวนการปรึกษาหารือล่วงหน้า (PNPCA) ในช่วงนี้จึงเป็นการศึกษาให้เป็นปัจจุบัน เพิ่มในส่วนของมาตรการตามแนวทางที่กำหนดไว้โดย MRC กฎหมายสิ่งแวดล้อมของลาวระบุว่าหากคาดว่าจะมีผลกระทบข้ามพรมแดนให้จัดทำการศึกษานี้ เป็นการคาดการณ์ผลกระทบที่จะเกิดจากการดำเนินโครงการ ว่าปัจจัยเป็นอย่างไร สิ่งสำคัญที่สุดคือการกำหนดมาตรการป้องกันแก้ไขเพื่อลดผลกระทบ ซึ่งตอนนี้ยังไม่สิ้นสุดการจัดทำรายงาน เราอยากฟังข้อเสนอแนะ เพื่อนำไปปรับ

นางเยาวภากล่าวว่า ประเด็นการศึกษาผลกระทบข้ามพรมแดนที่กังวลที่สุด ขอให้ทราบว่านี่เป็นฝายทดน้ำ เรื่องน้ำหรืออุทกวิทยาเป็นเรื่องที่สำคัญ เมื่อมีโครงการแล้วน้ำที่จะเท้อมาถึงไหน สูงเท่าไหร่ ตอนนี้โครงการยังไม่เกิดเราก็ใช้แบบจำลองทางคณิตศาสตร์ที่มีมาตรฐานสากล ทำนายระดับน้ำ การใช้แบบจำลอง ข้อมูลทางเทคนิคซับซ้อน เพื่อให้เข้าใจง่ายเราจะเทียบกับจุดต่ำสุดของ 8 หมู่บ้าน ผลการศึกษาออกมาว่าไม่ว่าจะเดือนไหน หรืออัตราการไหลในปริมารต่างๆ น้ำจะไม่มีการเปลี่ยนแปลว่ามีหรือไม่มีโครงการ น้ำจะไม่ไปถึง อ.เชียงแสน น้ำจะไม่นิ่ง

“ที่กังวลมากคือแก่งผาได แม้ว่าจะเป็นจุดที่ต่ำแต่ก็ยังปลอดภัย คือมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมไปบอกทางวิศวกรรม ได้ทำงานเพื่อลดระดับกักเก็บน้ำที่หน้าเขื่อนลง ให้ลดลงจนแก่งผาไดจะมียอดแก่งเพื่อให้มีกิจกรรมต่างๆ ได้ รวมถึงแจมป๋อง และหาดบ้านมหาวัน แม้จะผลิตไฟได้น้อยไม่เป็นไรช่วยเหลือ เป็นมาตรการลดระดับกักเก็บ”นางเยาวภา กล่าว

 

โดยในฃช่วงการรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ นายทองสุข อินทวงศ์ อดีตผู้ใหญ่บ้านห้วยลึก กล่าวว่าโครงการเขื่อนปากแบงชาวบ้านกังวลมานานหลายปี ถามผู้รู้ว่าสร้างห่างจากบ้านเราแค่ 90 กว่ากิโลเมตร จะมีผลกระทบมั้ย กรมทรัพยากรน้ำมาทำหลักพิกัด ปักหมุดตามที่ผู้พัฒนาโครงการว่าจะทำให้น้ำอยู่ระดับไหน กรมน้ำมาปักหลักและอธิบายว่าหากสร้างเขื่อนจะกักน้ำ 350 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง เป็น 340 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ซึ่งในความเป็นจริงหากกักเก็บที่ 335 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ก็ยังเอ่อท่วมชุมชนของเราอยู่ดี บริษัทที่ปรึกษามาสำรวจ ประชุมที่อำเภอเวียงแก่น ถามว่าชาวบ้านรับทราบว่าความเสียหายจะเกิดขึ้นแน่นอน กระทบชีวิตก็ไม่อยากได้ ผ่านมาหลายปี

“ผมสู้มา ห่วงกังวลมากโดยตลอด สิ่งที่ชาวบ้านรู้ก็คือหากท่านอธิบายแบบนี้ชาวบ้านไม่เข้าใจ หากท่วมใครจะรับผิดชอบ เราจะไปอยู่ที่ไหน ให้ย้ายอย่างไร ผลกระทบทั้งหมู่บ้าน ถนนเส้นนี้จะท่วมถูกตัดขาด หากเราไม่ช่วยกันหาข้อมูลที่แท้จริงวันหนึ่งจะเดือดร้อน ตอนนี้ชาวบ้านตื่นตัว อยากรู้เรื่อง หากเกิดปัญหาใครจะรับผิดชอบ หากเกิดผลกระทบก็จะเป็นไปตลอดกาล ลูกหลานจะว่าพ่อแม่ตายายทำไม่เสนอวิธีอื่นในการผลิตไฟฟ้าที่ดีกว่านี้ ชาวบ้านหาเช้ากินค่ำ ไม่เหมือนของผู้ใหญ่ของบริษัท หากเกิดผลกระทบแล้วเราจะเอาอะไรกินกัน” อดีตผู้ใหญ่บ้านกล่าว

นายชัยวัฒน์ ดวงธิดา ชาวบ้านห้วยลึก กล่าวว่าพวกตนหาปลาทุกวัน ปีๆ ได้เงินสี่ห้าแสนบาท ท่านกั้นเขื่อนไว้ปลาน้ำโขงขึ้นไม่ได้ น้ำเชี่ยว เป็นโคลนเชี่ยว ระกับน้ำที่ว่ากักเก็บสูงสุด 340 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ปีที่แล้วที่แก่งผาได น้ำท่วมสูงถึง 357 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง เมื่อสิงหาคม 2567 หอประชุมตรงนี้ก็ท่วม

“ท่านว่าจะระบายน้ำทัน ไม่ทันหรอกครับ บอกจะเยียวยา แต่บ้านผมฉโนดที่ดินก็ไม่มี ชาวบ้านจะได้อะไร ปีที่แล้วน้ำท่วมสวนส้มโอมากมายเสียหายภาครัฐยังไม่สามารถเยียวยาได้ครบ โครงการเขื่อนของท่านสำเร็จท่านก็ไป ผมจะทำอย่างไร ให้ทำแพเหรอ งบที่ท่านจัดไว้มันจะพอมั้ย จะแก้ปัญหาได้ทันท่วงทีมั้ย ถ้าน้ำขึ้นถ้าสร้างเขื่อน ผลกระทบจากจุดที่แก่งผาได ยังปันเขตแดนไม่เสร็จ ลาวเขาบอกว่าเขตแดนไทยออกจากฝั่งไปแค่ 3 เมตร เราจะออกไปหาปลาได้อย่างไร หมุดที่วางไว้ก็จะท่วม นี่คือปัญหา ไม่ใช่แค่สี่ห้าปี เป็นสามสิบปีโน่น” คนหาปลากล่าว

นางจันยา จันทิพย์ สมาชิกเครือข่ายผู้หญิงลุ่มน้ำโขง กล่าวว่าขอเป็นตัวแทนผู้หญิง ตอนนี้จะสร้างไม่สร้างเขื่อนปัญหาเกิดยู่แล้ว อยากภามว่าหากสร้างเขื่อนจริงอาชีพผู้หญิงห้วยลึก ที่เคยหาปลาตามฝั่งแม่น้ำโขง ปลูกผัก หากดินตรงนี้หายไปเพราะเขื่อนปากแบง คุณนจะชดเชยเยียวยาได้อย่างไร เราไม่อยากได้เงินอยากได้ที่ดินของเรา พื้นที่ของเราหายไปเราจะมีอาชีพอะไรมาทดแทนได้อย่างไร

นายนิวัฒน์ ร้อยแก้ว ประธานกลุ่มรักษ์เชียงของกล่าวว่าโครงการเขื่อนปากแบง สิบกว่าปีแล้วผมอยากบอกว่าเป็นเขื่อนที่กระบวนการทั้งหมดไม่โปร่งใส ไม่ชัดเจนแม้แต่กระบวนการเดียว เพราะทำ PNPCA ชาวบ้านบอกข้อกังวลมากมายแต่ก็ตอบไม่ได้ จนได้มาเซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับไทย 29 ปี ทั้งที่ตอบปัญหาประชาชนไม่ได้สักข้อ เป็นเขื่อนที่อัปยศมาก ไม่ถูกต้องเลยซักกระบวนการ เซ็นสัญญาแล้วจึงให้มาศึกษาทีหลัง

“ผมขอตั้งข้อสังเกตว่าการศึกษาผลกระทบข้ามพรแดนนี้เป็นเงื่อนไขของสัญญากู้เงิน ผมขอให้สถาบันการเงินรับรู้ ว่าแม้การศึกษาครั้งนี้ส่งแล้วแต่ไม่สมบูรณ์ ทำเพียงเพื่อให้อนุมัติเงินกู้ ที่มาพูดนี้ผมไม่เชื่อเลยนะ จะมาชดใช้ 30-40 ปี ใครจะทำ แล้วแม่น้ำสาขาท่วมเข้าไป 20 กว่ากม.แม่น้ำอิง แม่น้ำกก คุณตอบได้หรือไม่” นายนิวัฒน์กล่าว

นางปิยะนันท์ จิตต์แจ้ง กลุ่มรักษ์เชียงของ กล่าวว่าชาวบ้านพบว่าน้ำท่วมปี 2567 แม้ยังไม่มีเขื่อนแต่ก็ท่วมแก่งผาได คิดง่ายๆ หากมีเขื่อนกั้น น้ำโขงและน้ำสาขาจะไหลช้าลงแค่ไหน ขอบอกถึงผู้ให้กู้เลยว่ายังไม่เซ็นเงินกู้ ขอให้ท่านตอบว่าท่านพิจารณาอย่างไร ท่านบอกว่าเขื่อนจะกักเก็บที่ 340 เมตร แต่ชาวบ้านบอกว่าน้ำป่ามา ก็คือน้ำ คุณบอกว่าจัดประชุมแค่ 8 หมู่บ้านที่มาฟัง นี่คือคุณไม่รู้สึกกับเรา หากท่านมีแบบจำลองคณิศาสตร์ คำนวณเลยว่าน้ำมาแค่ไหน น้ำโขงยกระดับทำให้น้ำสาขาระบายยากมาก ปภ.แม่สายบอกว่าน้ำระบายยากมาก ผลกระทบไปถึงแม่สาย

นส.เพียรพร ดีเทศน์ ผู้อำนวยการรณรงค์ International Rivers กล่าวว่าขอพูดในนามประชาชนชาวเชียงราย ซึ่งพบว่ามีการทำเหมืองของจีนในต้นแม่น้ำกกและแม่น้ำสาย มีการพบสารการปนเปื้อนโลหะหนักในแม่น้ำ และหากแม้ว่าตัวเลขของบริษัทจะถูกต้องว่าน้ำไม่ท่วมหมู่บ้าน แต่แม่น้ำโขงแห่งนี้จะกลายอ่างพิษ ที่รองรับสารโลหะหนักจากแม่น้ำกก สาย รวก ชาวบ้านจะอยู่อย่างไร ในขณะนี้ต้นน้ำกกที่รัฐฉานมีเหมืองแร่แรร์เอิร์ทแค่ 2 แห่งเท่านั้น แต่หากมีเพิ่มขึ้นอีก ปล่อยสารพิษลงมาอีก แล้วหากเขื่อนปากแบงเกิดขึ้น คิดว่าบริษัทไม่น่าจะสามารถรับมือปัญหาอุบัติใหม่นี้ได้

“ท่านจะกลายเป็นส่วนหนึ่งความหนักหนาสาหัสที่เกิดขึ้นนี้ สัญญาซื้อขายไฟฟ้าของเขื่อนปากแบงแม้ลงนามไปแล้วก็สามารถพิจารณายกเลิกได้ เกิดปัญหาสารพิษในแม่น้ำแล้ววันนี้ยังจะสร้างไปทำไม ลูกหลานของเราจะกำลังจะต้องเจ็บป่วยจากโรคทีเกิดจากอ่างพิษแห่งนี้” นส.เพียรพร กล่าว

นส.ไพรินทร์ เสาะสาย มูลนิธิแม่น้ำนานาชาติ กล่าวว่าได้มีข้อเสนอส่งไปยังกระทรวงพลังงานว่ารายงานที่เพิ่งได้รับนี้เป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งข้อมูลไม่ครบ บริษัทควรแปลเพื่อให้ชาวบ้านได้มีโอกาสอ่านก่อน การรับฟังครั้งนี้ให้ข้อมูลชาวบ้านเพียง 7 หน้า โดยเฉพาะประเด็นระดับน้ำ ข้อมูลเป็นของกรมทรัพยากรน้ำตั้งแต่ปี 2549

สำหรับบรรยากาศในที่ประชุมเต็มไปด้วยความกังวลใจ ชาวบ้านที่เข้าร่วมประชุมส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ ซึ่งต่างพูดคุยถึงความวิตกกังวลว่าจะเกิดผลกระทบอย่างไรบ้างกับแม่น้ำโขง