กึ่งศตวรรษ 2518 -2568 ภายใต้ร่มไม้ชายคา “ตระกูลไกรฤกษ์” ยึดมั่นความกตัญญู ซื่อสัตย์ จริงใจ คือ ใบเบิกทางชีวิต

นับตั้งแต่ปี 2518 การย่างก้าวเข้ามาในรอบรั้วบ้านของท่านโกศล ไกรฤกษ์ อดีต สส.พิษณุโลกหลายสมัย และอดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวง บ้านพักในบริเวณโรงเรียนอนุสรณ์จงกล (ปัจจุบันวิทยาลัยพณิชยการบึงพระพิษณุโลก) ตำบลบึงพระ อำเภอเมืองพิษณุโลก ได้เรียนรู้ฝึกปรึอของชีวิตชายชนบท จากผืนดินที่ทรงคุณทางประวัติศาสตร์ ตำบลบ้านกร่าง อำเภอเมืองพิษณุโลก ซึ่งมีร่องรอยซากปรักหักพังวัดวา อาราม ไม่ต่ำกว่า 30 วัด มีคลองยมราชทอดยาว 8 กิโลเมตร

ในอดีตถูกกล่าวขานนามว่า“เมืองคนพาล บ้านคนดุ ดินแดนอาณาจักรเถื่อน” นั่นหมายความว่า เมื่อหลายสิบปีก่อนมักตัดสินคดีความกันด้วยวิธีรุนแรง จนสะเทือนเลื่อนลั่นทั้งกลางวันและกลางคืน แม้ว่าหมู่บ้านจะตั้งอยู่ห่างตัวเมืองพิษณุโลก เพียง 10-12 กิโลเมตร

ตะเกียงส่องทางชีวิต

การที่ผมเข้ามาใกล้ชิดผู้มีประสบการณ์ชีวิตอย่างท่านโกศล ไกรฤกษ์ นับว่าเป็นผู้โชกโชนทั้งเมืองหลวงและชนบท เนื่องจากท่านโกศล เป็นนักต่อสู้ชีวิตภายหลังที่บิดา คือ ร.ท.จงกลไกรฤกษ์ อดีต สส.พิษณุโลก 3 สมัย ปี 2491,2495 และ 2500 อดีตนายทหารม้า เสนาธิการ มณทลทหารบกจังหวัดพิษณุโลก ก่อนหน้าถูกจองจำบางขวาง และเกาะตะรุเตา นาน 11 ปี ข้อหาร่วมก่อการกบฏ “บวรเดช” เพราะเคยเป็นทหารคนสนิทพลเอก พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบวรเดช อดีตเสนาบดีกระทรวงกลาโหม เนื่องจาก ร.ท.จงกล ยกไพร่พลจากจังหวัดพิษณุโลก ร่วมกับคณะกู้บ้านกู้เมือง เพื่อยึดอำนาจจากคณะราษฏร ในปี 2476 แต่ได้รับความพ่ายแพ้

ท่านโกศล เป็นอดีต สส.พิษณุโลก ปี 2512 สังกัดพรรคอิสระ ต่อมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคอิสระ ซึ่งไม่ยินยอมจะไปรวมกับพรรคสหประชาไทย ที่มีจอมพลถนอม กิตติขจร นายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้าพรรค และดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

ราวกับการหล่อหลอมและปลูกฝังอุดมการณ์ ได้รับรู้ เรียนรู้ รับฟัง รับใช้ ย่อมเป็นการบ่มเพาะอย่างรอบด้าน ครูพัก ลักจำ อีกทั้งท่านเป็นบุคคลดุดัน มึงมาพาโวย จึงต้องมีความอดทน อดกลั้นของผู้ใกล้ชิด ต้องรู้จัก รู้ใจ และตระหนักอยู่เสมอว่า“ไม่เคยเป็นทหารรับใช้ ไฉนเลยจะได้เป็นอัศวิน”

ท่านโกศล มีลีลาการปราศรัยถึงลูกถึงคน ติดดิน การรับฟังปัญหาเรื่องราวร้องเรียนของราษฎรที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากหน่วยงานภาครัฐในอดีต ท่านเป็นบุคคลตรงไปตรงมาพูดจา“ขวานผ่าซาก” เข้าถึงปัญหาไม่หวั่นเกรงกับความไม่ถูกต้องและอิทธิพลใด จนกระทั่งสื่อมวลชนตั้งฉายาให้ท่านในเวลาต่อมาว่า“นักเลงโบราณ”

ในปี 2522 ท่านโกศล เป็น สส.สังกัดพรรคกิจสังคม ท่านได้พาผมไปนั่งรับฟัง สส.อภิปรายในสภาผู้แทนราษรในขณะนั้น ซึ่ง สส.ต้องเซ็นชื่อรับรองผู้เข้ารับฟัง คล้ายกับว่าท่านต้องการปลูกฝังให้มีประสบการณ์ทางการเมือง และได้พบเห็นเรียนรู้ทางการเมือง รวมทั้งการพาผมนั่งเครื่องบินจากกรุงเทพมหานครมาจังหวัดพิษณุโลก และเป็นการนั่งเครื่องบินครั้งแรกในชีวิตของผม

ทุกชีวิตถูกลิขิตแล้ว ต่อมาในปี 2523 ผมสอบติดกรมประชาสัมพันธ์ ตำแหน่งช่างไฟฟ้าสื่อสาร บรรจุครั้งแรกสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยจังหวัดลำปาง(ช่อง 8 ) ขาวดำ และต่อมาย้ายมาประจำสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพิษณุโลก ในปี 2525 และเติบโตในชีวิตราชการตามลำดับ ดำรงตำแหน่งที่สำคัญ อาทิ หัวหน้าฝ่ายข่าวและรายการสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย(สวท.) สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ในปี 2549 และ ผอ.สวท. สุโขทัย -เพชรบูรณ์ -อุตรดิตถ์ จนเกษียนอายุราชการ ชีวิตราชการไม่เคยถูกตั้งกรรมการสอบสวนลงโทษทางวินัยและอาญา

การได้ย้ายมาจังหวัดพิษณุโลก ได้เห็นบทบาทการทำหน้าที่ผู้แทนราษฎรของท่านโกศลมากยิ่งขึ้น เพราะท่านได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีหลายกระทรวง อาทิ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รมช. อุตสาหกรรม รมช.มหาดไทย และ รมว.กระทรวงพาณิชย์ ในรัฐบาลพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี อีกทั้งยังได้รับความไว้วางใจให้นั่งเก้าอี้เลขาธิการพรรคกิจสังคม ที่มี ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค ทำให้ท่านมีความใกล้ชิดกับราษฎรนั่งอยู่ในใจคนบ้านป่าขาดอน ในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ท่านจะกลับรับฟังทุกข์และปัญหาของราษฎร เพื่อนำไปสู่การแก้ไขให้สำเร็จลุล่วง

ด้วยประการฉะนี้ ทำให้ผมซึมซับกับการต่อสู้บนหน้าหนังสือพิมพ์ส่วนกลางฉบับหนึ่งอย่างเผ็ดร้อน ในสิ่งที่มีผลกระทบต่อสังคมเมืองพิษณุโลก ในช่วงปี 2528 -2538

อย่างไรก็ตามภายหลังท่านโกศล เลิกเล่นการเมือง โดยมีบุตรชาย คือ นายจุติ ไกรฤกษ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติในปัจจุบัน อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ( ICT ในอดีต) และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นผู้สืบทอดทายาทการเมือง รวมทั้งบุตรสาวนางพิกุลแก้ว ไกรฤกษ์ อดีตสมาชิกวุฒิสภา(สว.) และอดีตประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ วุฒิสมาชิก

ชีวิตหลังเลิกเล่นการเมือง ท่านโกศล ไป-มา กรุงเทพฯ-พิษณุโลก อยู่เป็นประจำ มีโอกาสได้รับประทานอาหารร่วมโต๊ะกันอยู่เสมอ พูดคุยกันอย่างถูกคอถูกใจละคนเสียงหัวเราะ ครั้งหนึ่งท่านได้เอ่ยปากให้พาไปเที่ยว จึงมุ่งอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก จึงได้งานไม้ประดิษฐ์มาใช้หลายรายการ

วลีสำคัญที่ต้องจดจำบางช่วงบางตอนในช่วงปี 2518
“มังกร แกเป็นลูกน้องคนเดียวที่ได้กินข้าวร่วมโต๊ะกับฉัน แม้แต่ สส.ฉันยังไม่ให้ร่วมโต๊ะเลย”

“มังกร อย่าไปดูถูกเงินนะ คิดดูแกใช้เงินไป 5 บาท และไปขอแลกแบ็งค์ละร้อยคืน ใครจะให้แก”

เรื่องราวต่างๆมากมาย ที่ผูกพันสัมผัสและชีวิตที่แผ้วผ่าน จนไม่สามารถนำมาบรรยายได้จนหมดสิ้น และเชื่อว่าไม่มี สส.คนใดมาเทียบเคียงในความองอาจ อีกทั้งรักความเป็นธรรมและถูกต้องอย่างกล้าหาญ เหมือนท่านโกศล ไกรฤกษ์ ได้อีกเลย

ประการสำคัญท่านได้ถ่ายทอดประสบการณ์ อีกทั้งบอกเล่าเรื่องลึกลับ ที่ผมได้จดจำไว้ในสมุดและสมอง มิสามารถนำมาบอกกล่าวเป็นตัวอักษร จนมีเพื่อนฝูงที่ใกล้ชิด กล่าวว่า “มึงมันลูกน้องคนสนิทแนบแน่น เวลาอยู่กับท่านโกศล ความดุดัน เกรี้ยวกราด ท่านจะลดลง แถมยังเออออห่อหมกกันอีกด้วย”

“มึงมันอัศวินข้างกาย โกศล ไกรฤกษ์ “

มังกร จีนด้วง บรรจงเขียน

error: Content is protected !!