พิษณุโลก จับ”เจ๊เรือน”เจ้าแม่บ่อนวิ่ง”ไพ่ตีไก่” ตั้งข้อหา”อั้งยี่” จ่อยึดทรัพย์ สะท้านยุทธจักรนักพนัน
การที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพิษณุโลก และตำรวจสืบสวนจังหวัดพิษณุโลก ติดตามจับกุมตัวนางทัศนีย์ หรือ “เรือน” สิงหเดช ในพื้นที่อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ข้อหา “ เป็นหัวหน้าอั้งยี่และเป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนัน (ไพ่ตีไก่) พนันเอาทรัพย์สินโดยไม่ได้รับอนุญาต
“เรือน” หรือ นางทัศนีย์ มิอาจทราบได้ว่าเป็นบุคคลคนเดียวกันกับหญิงแกร่งนาม”เจ๊เรือน”ขาใหญ่ที่มีชื่อเสียงนามระบือ กะฉ่อนโด่งดังในยุทธจักรบ่อนพนันคงกระพันชาตรีมาอย่างยาวนานหรือไม่ อีกทั้งแว่วมาว่ามีเคหะสถานตั้งอยู่ในย่านป้าช้าจีน บริเวณท้ายโรงพยาบาลพุทธชินราช อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก
ภายหลังสถานการณ์บ้านเมืองแปรเปลี่ยนไป หน่วยเฉพาะกิจกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ออกอาละวาดกวาดจับบ่อนในหลายพื้นที่หลายจังหวัดในภูมิภาค ทำให้บ่อนพนัน สถานบันเทิงที่ผิดกฎหมายสงบราบคาบลง ประกอบกับ พ.ต.อ.ธัชพงศ์ วงศ์พัฒนานิวาศ ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก นายตำรวจมือดี อาจกล่าวได้ว่าเป็นตำรวจอาชีพคนหนึ่ง ที่ย้ายมาดำรงตำแหน่งภายในระยะเวลา 1 ปี พยายามสกัดกั้นบ่อนการพนันในพื้นที่มิให้เกิดขึ้น รวมทั้งสิ่งผิดกฎหมายอื่นๆ อาทิ บุหรี่ไฟฟ้า ที่มีสถิติการจับกุมผู้จำหน่ายตั้งแต่เดือนมกราคม 2567 ไม่น้อยกว่า 45 ครั้ง ของกลางจำนวนมาก จึงทำให้เหล่านักพนันจำเป็นต้องเคลียร์ขาใหญ่ โดยอาศัยยักย้ายสถานที่เล่นหมุนเวียนเปลี่ยนไป
อย่างไรก็ตาม บุหรี่ไฟฟ้า เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา มูลนิธิสื่อสุขภาวะ กองทุน สสส.ร่วมกับสมาคมสื่อสารมวลชนพิษณุโลก จัดเสวนา”เหล้า-บุหรี่ เมืองสองแคว แก้ปัญหาอย่างไรให้ตรงจุด” มีสื่อมวลชนออกมาปูดกลางวงเสวนาว่า มีนายตำรวจคนหนึ่งสังกัดตำรวจภูธรภาค 6 ส่งลูกน้องไปจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าให้กับนิสิต มหาวิทยาลัยนเรศวร จนติดลมบน
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 26 พ.ย.67 เวลาประมาณ 14.55 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพิษณุโลก ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สืบสวน ภ.จว.พิษณุโลก ได้ร่วมกันสืบสวนจับกุมนางสาวยุพิน ปานมณี พร้อมพวกรวม 20 ราย ในความผิดฐาน “ ร่วมกันลักลอบเล่นการพนัน (ไพ่ตีไก่) พนันเอาทรัพย์สินโดยไม่ได้รับอนุญาต ” ได้พร้อมของกลางรวม 7 รายการ
จากการสืบสวนสอบสวนได้ความว่า นางทัศนีย์ หรือเรือน สิงหเดช , นางสาวยุพิน ปานมณี , น.ส.เมรินทร์ ปิ่นทอง , น.ส.ชุติกาญจน์ โชควิบูลวรรณ และ น.ส.อิงออน มีปิง ได้ร่วมการวางแผนตกลงร่วมกันกระทำความผิดฐานเป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนันพนันเอาทรัพย์สินกันโดยไม่ได้อนุญาต
โดยนางทัศนีย์ หรือ เรือน ซึ่งเป็นหัวหน้า ปกปิดวิธีการกระทำความผิดโดยจะเปลี่ยนผลัดหมุนเวียนกันไปจัดให้มีการเล่นการพนันตามสถานที่ต่างๆในเขตจังหวัดพิษณุโลก และพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งนางทัศนีย์หรือเรือนฯ ซึ่งเป็นหัวหน้า จะให้เงินทุนในการเล่นการพนัน จำนวน 10,000 บาท และผู้ต้องหาที่ 2-5 จะแบ่งหน้าที่กันโดยหนึ่งคนทำหน้าที่แจกไพ่ให้ อีกคนคอยจดยอดเงินที่เก็บได้จากลูกค้า (ค่าต๋ง) หลังจากที่เล่นการพนันเสร็จแล้วก็จะนำเงินที่ได้จากการเล่นพนันและค่าต๋งไปมอบให้กับนางทัศนีย์ หรือเรือนฯ
ต่อมาเจ้าหน้าที่สืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานขอหมายจับนางทัศนีย์ หรือ เรือน สิงหเดช (ผู้ต้องหาที่ 1) ซึ่งเป็นหัวหน้าในข้อหา “ เป็นหัวหน้าอั้งยี่และเป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนัน (ไพ่ตีไก่) พนันเอาทรัพย์สินโดยไม่ได้รับอนุญาต ” ศาลจังหวัดพิษณุโลก ออกหมายจับที่ จ.626/2567 ลงวันที่ 27 พฤศจิกายน 2567
ต่อมาวันที่ 28 พ.ย.67 เวลา 11.30 น. สามารถติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาตามหมายจับตัวได้ ที่ อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ โดยในชั้นจับกุมผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
พ.ต.อ.ธัชพงศ์ วงศ์พัฒนานิวาศ ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก กล่าวว่า การดำเนินคดี ข้อหา “อั้งยี่” นั้น เพื่อเป็นความผิดมูลฐานหนึ่ง ตามความผิดเกี่ยวกับกฎหมายฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 โดยใช้มาตรการตรวจสอบทรัพย์สินและยึดทรัพย์กับกลุ่มบุคคลดังกล่าว โดยมุ่งหวังตรวจสอบทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด เงินหรือทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำ
“ซึ่งเป็นความผิดมูลฐานหรือความผิดฐานฟอกเงิน และการจำหน่าย จ่ายโอนด้วยประการใด ๆ แล้ว ยังรวมถึงดอกผลของเงินหรือทรัพย์สินดังกล่าว ไม่ว่าจะมีการจำหน่าย จ่าย โอน หรือเปลี่ยนสภาพไปกี่ครั้ง และไม่ว่าจะอยู่ในความครอบครองของบุคคลใด โอนไปเป็นของบุคคลใด หรือปรากฏหลักฐานทางทะเบียนว่าเป็นของบุคคลใดก็ตาม กฎหมายฉบับนี้ถือว่าเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดที่ผู้ไม่มีสิทธิจะยึดถือไว้ และอาจต้องถูกริบให้ตกเป็นของแผ่นดินได้ทั้งสิ้น”ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก กล่าว
การจับกุมเจ้าแม่บ่อนการพนัน ตั้งข้อหา”อั้งยี่”ครั้งนี้ คงจะสะท้านวงการกาสิโน และส่งผลสะเทือนเลื่อนลั่นไปทั่วทั้งแผ่นดินสองแควอีกครั้งหนึ่ง