พิษณุโลก ชป.ทุ่มงบ 900 ล้าน สร้างประตูระบายน้ำท้ายเมือง เอื้อพื้นที่การเกษตร 20,000 ไร่
วันที่ 31 ตุลาคม 2567 นายบุญเหลือ บารมี รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลกประธานพิธีเปิดการปฐมนิเทศโครงการศึกษาความเหมาะสมและประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมอาคารบังคับน้ำ ( เขื่อนท้ายเมืองพิษณุโลก) เมื่อวานนี้ 30 ต.ค.67 ที่ศูนย์ประสานแผน ที่ว่าการอำเภอเมือง หลังกรมชลประทานได้ทำการศึกษาความเหมาะสมเบื้องต้น ไว้ก่อนแล้ว
อาคารบังคับน้ำท้ายเมืองพิษณุโลกหรือเขื่อนท้ายเมืองพิษณุโลก จะก่อสร้างในช่องลัดของแม่น้ำน่าน จุดศูนย์ขยายพันธุ์พืชที่ 6 (เดิม) ม.5 ต.งิ้วงาม อ.เมือง จ.พิษณุโลก ลักษณะสร้างเป็นประตูระบายน้ำ กั้นแม่น้ำน่าน เพื่อเก็บกักน้ำเหนืออาคาร 30.79 ล้าน ลบ.ม โดยพื้นที่การเกษตรได้รับประโยชน์ 20,000 ไร่ ช่วยยกระดับน้ำ 4-6 เมตร เอื้อต่อการอุปโภคบริโภคน้ำของคนเมืองพิษณุโลก ทำให้น้ำนิ่งและใสขึ้นในช่วงเขตเทศบาลนครไพิษณุโลก อีกทั้งเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ส่งเสริมการท่องเที่ยวริมฝั่งแม่น้ำน่าน ตลิ่งมีเสถียรภาพ ไม่ทรุดพังง่ายๆ
นายชำนาญ ชูเที่ยง ผู้อำนวยการโครงการชลประทานพิษณุโลก เปิดเผยว่า วันนี้มาปฐมนิเทศโครงการหลังกรมชลประทานได้ดำเนินการศึกษาความเหมาะสม ประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมในแม่น้ำน่านที่มีความยาวทั้งหมด 700 กว่ากิโลเมตร ได้ศึกษาอาคารบังคับน้ำไว้ 11 แห่ง(ไม่เกี่ยวกับสร้างเขื่อน) ในเขต จ.พิษณุโลก มีพื่นที่ที่มีความเหมาะสมก่อสร้างอาคารบังคับน้ำ 2 จุด คือ ต.งิ้วงาม อ.เมือง และ ต.บ้านโคกสลุด อ.บางกระทุ่ม จ.พิษณุโลก ซึ่งแต่ละอาคารจะมีความจุประมาณ 30 ล้าน ลบ.ม.
ล่าสุดได้รับงบประมาณ สำรวจและออกแบบ ปี 2568 โครงการอาคารบังคับน้ำท้ายเมืองพิษณุโลก (เขื่อนท้ายเมืองพิษณุโลก) เพียง 1 แห่ง ที่ ต.งิ้วงาม อ.เมือง เพื่อเตรียมก่อสร้างในช่องลัด โดยไม่ต้องทำการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมหรือEIA ทำให้ดำเนินโครงการรวดเร็วขึ้น กรมชลประทานวางแผนก่อสร้างปี 2569-2572 ใช้เวลาก่อสร้าง 4 ปี งบประมาณ 900 กว่าล้านบาท
ส่วนแผนการก่อสร้างอาคารบังคับน้ำ ที่ ต.บ้านโคกสลุด อ.บางกระทุ่ม นั้นยุ่งยากกว่า เพราะต้องสร้างในแม่น้ำน่านและต้องใช้เวลาศึกษาและจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมอีก 2 ปี หากมีความเหมาะสม จึงจะดำเนินการสำรวจและออกแบบเพื่อเตรียมการก่อสร้างต่อไป
ส่วนแผนการก่อสร้างอาคารบังคับน้ำ ที่ ต.บ้านโคกสลุด อ.บางกระทุ่ม นั้นยุ่งยากกว่า เพราะต้องสร้างในแม่น้ำน่านและต้องใช้เวลาศึกษาและจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมอีก 2 ปี หากมีความเหมาะสม จึงจะดำเนินการสำรวจและออกแบบเพื่อเตรียมการก่อสร้างต่อไป