เชียงราย แถลงข่าวทำร้ายครู และผูู้ต้องหาหลบหนีการควบคุม

เวลา 10.00 น.วันที่ 22 ม.ค.67 ที่ สภ.เมืองเชียงราย พล.ต.ต.มานพ เสนากุล ผบก.ภ.จว.เชียงราย พ.ต.อ.โสภน ม่วงเฟื่อง ผกก.สภ.เมืองเชียงราย ได้ร่วมกันแถลงข่าวกรณีคนร้ายทำร้ายร่างกายครูภายในโรงเรียนบ้านโป่งเกลือ ต.ดอยลาน อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 20 ม.ค.2567 เวลาประมาณ 13.30 น.

โดยคดีนี้คนร้ายคือ นายนิรันดร์ อายุ 38 ปี ชาวบ้าน หมู่ 10 ต.ดอยลาน อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย ทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการควบคุมตัวไว้และแจ้งข้อกล่าวหา
ในความผิด ทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นให้ได้รับอันตรายสาหัส เสพและเป็นผู้ขับขี่รถเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) นอกจากนี้ ทางเจ้าหน้าที่จะได้ทำการ สอบปากคำผู้ต้องหาเกี่ยวกับ ความผิดในข้อหาอื่นเช่น พยายามฆ่า ข่มขืนกระทำชำเรา ซึ่ง จะต้องทำการสอบปากคำอีกครั้ง

สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 20 ม.ค.67 เวลาประมาณ 13.30 นายนิรันดร์ ได้เข้ามาภายในโรงเรียนบ้านโป่งเกลือ และได้เข้ามาภายใน ห้องเรียน ซึ่งนางอัจฉราภรณ์ ปฏิบัติหน้าที่ครูเวร อยู่ภายในโรงเรียน และนายนิรันดร์ ได้ใช้อาวุธปืน ปลอมจี้ศรีษะของนางอัจฉราภรณ์ แลัเกิดการขันขืนจึงได้ใช้กำลังทำร้ายร่างกายจน นางอัจฉราภรณ์ ได้รับบาดเจ็บต่อมาได้มีชาวบ้านและครูคนอื่นมาพบเห็นเหตุการณ์ จึงได้เข้ามาให้ความ ช่วยเหลือ

จากนั้นนายนิรันดร์ ได้หลบหนีไป โดยชาวบ้านได้นำตัวนางอัจฉราภรณ์ ที่ได้รับบาดเจ็บส่งรักษาที่ โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ และได้เข้ามาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองเชียงราย ซึ่งในเบื้องต้นนายนิรันตร์ ได้รับสารภาพในข้อหาทำร้ายร่างกาย แต่ปฏิเสธ ในข้อกล่าวหาข่มขืนกระทำชำเรา

พล.ต.ต.มานพ กล่าวว่า นายนิรันดร์ เคยมีประวัติเคย ถูกจำคุกเป็นเวลา 2 ปีนายเข้าหาข่มขืนกระทำชำเรา เด็กหญิงอายุ 14 ปี เมื่อปี 2554 จะได้เกิดการยอมความแต่เนื่องจากผู้เสียหายอายุไม่ถึง 18 ปีจึงไม่สามารถทำความได้จึงถูกดำเนินคดีดังกล่าวนอกจากนี้ยังพบว่าก่อนก่อเหตุ เมื่อวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมาได้มีการ เสพยาบ้าเข้าไปก่อน แล้วจำนวน ประมาณ 10 เม็ด ก่อนจะมาก่อเหตุดังกล่าว

ในส่วนของคดีที่ผู้ต้องหาหลบหนีการควบคุมตัว จาก สภ.เมืองเชียงราย พล.ต.ต.มานพ เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 19 ม.ค.2567 เวลาประมาณ 18.00 น.ร.ต.ท.นภพล งามเอนก รองสว.(สอบสวน)สภ.เมืองเชียงราย เจ้าของคดีอาญาที่ 86/2567 ได้นำตัว นายจะลอ ไม่ทราบนามสกุล สัญชาติเมียนมาร์ ได้กระทำความผิด ในข้อหา “ช่วยซ่อนเร้นหรือช่วยด้วยประการใดๆ เพื่อให้ต่างด้าวพ้นจากการจับกุม และเป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาและอยู่ใน ราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต”

ซึ่งได้รับตัวผู้ต้องหาไว้อยู่ในะหว่างการสอบสวนเวลาประมาณ 18.00 น. ได้เบิกตัวผู้ต้องหาจากห้องขัง เพื่อสอบปากคำในคดีอาญาที่ 86/2567 โดยในระหว่าง เบิกตัวได้มีประชาชนเข้ามาแจ้งความจึงได้ปฏิบัติหน้าที่รับแจ้ง ความและสั่งให้เจ้าหน้าที่สิบเวร นำตัวผู้ต้องหาใส่กุญแจมือและพาตัวไปที่ห้องสอบสวนปากคำและเฝ้าตัวไว้ จนกว่า จะรับแจ้งความเสร็จและจะไปสอบปากคำผู้ต้องหา จนกระทั่ง เวลาประมาณ 18.11 น. ได้เดิน กลับที่ห้องสอบปากคำา ปรากฏว่าไม่พบตัวผู้ต้องหา จึงได้สอบถามเจ้าหน้าที่สิบเวรได้แจ้งว่านำตัวผู้ต้องหาไปที่ห้องสอบปากคำแล้ว แต่ไม่ได้เฝ้าแต่อย่างใด

จึงได้ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดพบว่า นายจะลอ ผู้ต้องหา ได้ถูกสวมใส่กุญแจมือไว้ และได้เดินออกมาจากห้องสอบปากคำ จากนั้นได้เดินหลบหนีออกจากสถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงราย โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำการ ออกติดตาม เพื่อจับกุม ผู้ต้องหาที่หลบหนีไปกลับมา

ในเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ขุดสืบสวน สภ.เมืองเชียงรายดำเนินการสืบสวนติดตาม โดยจากการสืบสวนเชิงลึกพบว่า นาย จะลอ แท้จริงแล้วเป็นคนไทย ชื่อ นายดิษฐ์ จะอื้อ ชาว หมู่ 4 ต.แม่กรณ์ อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย โดยการตรวจสอบภาพ ใบหน้าจากระบบทะเบียนราษฎร Bio matrix เมื่อนำข้อมูลจาก Facebook จากการตรวจสอบประวัติอาชญากรรม พบว่านายดิษฐ์ เคยโดนจับกุมในข้อหา “ลักทรัพย์ ในเคหะสถาน” ตามคดีที่ 140/60 ของ สภ.แม่ยาว และ ข้อหา “ลักทรัพย์ในเคหะสถานในเวลากลางคืน” ตามคดีที่ 402/57 ของ สภ.พญาเม็งราย

ซึ่งเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนร่วมกันสนธิกำลังประกอบไปด้วย งานสืบสวน สภ.เมืองเชียงราย, กก.สส.ภ.จว.เชียงราย และ บก.สส.ภ.5 ได้อยู่ระหว่างร่วมกันติตตามโดยใช้ข้อมูลทางการข่าวที่แจ้งว่าไปกบตารในพื้นที่บนดอย บ้านจะ คือ อ.แม่ยาว จว.เชียงราย และจากการติดตามข้อมูลบุคคลที่ใกล้ชิดเมื่อมีความคืบหน้าจะนำเรียนให้ทราบต่อไป

พล.ต.ต.มานพ กล่าวว่า ในคดีนี้เกิดขึ้นจากความบกพร่องของเจ้าหน้าที่ที่ไม่สื่อสารกันให้ชัดเจนจนทำให้ผู้ต้องหา หลบหนีไปได้อย่างไรก็ตามจะมีการตั้งคณะกรรมการ เพื่อสืบสวนสอบสวนถึงเหตุการณ์ดังกล่าวเพื่อจะต้องมีการดำเนินการทางวินัย ผิดก็ต้องว่าไปตามผิด ในส่วนของคดี ก็จะต้องติดตามตัวผู้ต้องหาที่หลบหนีไปมาดำเนินคดีให้ได้และคาดว่าจะสามารถจับกุมกลับมาได้ภายใน 1-2 วันนี้