พิษณุโลก ป.ป.ช.มีมติชี้มูลสาวธนาคารออมสิน วินัยและอาญา ปลอมลายมือชื่อลูกค้าถอนเงิน 12 บัญชี
วันที่ 24 กันยายน 2568 นายปรีชา ยาศรี ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ประจำจังหวัดพิษณุโลก กล่าวว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช.ไต่สวนข้อเท็จจริง กรณีกล่าวหานางสาวรษา ส. เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งพนักงานบริการลูกค้า 7 สังกัดธนาคารออมสิน สาขาวังทอง อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก มติชี้มูลอาญา วินัยร้ายแรง
ข้อกล่าวหาปลอมลายมือชื่อลูกค้าในใบนำฝาก และใบถอนเงิน และลักลอบทำรายการถอนเงินออกจากบัญชีเงินฝากของลูกค้ารวม 12 บัญชี และนำเงินไปใช้เป็นประโยชน์ส่วนตน เมื่อปี 2564 – 2565
คำวินิจฉัยคณะกรรมการ ป.ป.ช.
คณะกรรมการ ป.ป.ช.ในการประชุมครั้งที่3/2568 เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2568 ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ด้วยคะแนนเสียง 5 เสียง เห็นชอบตามความเห็นของคณะผู้ไต่สวนเบื้องต้นว่า การกระทำของนางสาวรษา ส. ผู้ถูกกล่าวหามีมูลความผิดทางอาญาฐานทำให้เสียหาย ทำลายซ่อนเร้นเอาไปเสีย หรือทำให้สูญหาย หรือไร้ประโยชน์ ซึ่งเอกสารใดของผู้อื่นในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น หรือประชาชน ฐานปลอมเอกสาร ปลอมเอกสารสิทธิ ฐานใช้เอกสารและเอกสารสิทธิปลอม ฐานใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบในการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน และฐานลักทรัพย์ที่เป็นของนายจ้าง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 188 มาตรา 264 มาตรา 265 มาตรา 268 ประกอบมาตรา 264 และมาตรา 265 มาตรา 269/5 และมาตรา 335 (11) ฐานเป็นพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใดใดใช้อำนาจในหน้าที่โดยทุจริตอันเป็นการเสียหายแก่องค์การบริษัทจำกัด ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรือหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นและฐานเป็นพนักงาน ปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ 2502 มาตรา 8 และมาตรา 11 ฐานเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใด ในตำแหน่ง หรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่ง หรือหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ.ศ 2561 มาตรา 172 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานจงใจไม่ปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามกฎหมายระเบียบแบบแผนข้อบังคับ หรือคำสั่งของธนาคารเป็นเหตุให้ธนาคารเสียหายอย่างร้ายแรงฐานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และฐานกระทำการใดๆ อันที่ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงตามระเบียบการธนาคารออมสินฉบับที่ 353 ว่าด้วยวินัยของพนักงานธนาคารออมสินข้อ 6 วรรคสอง ข้อ 8 วรรคสอง และข้อ 9 วรรคสอง
สำหรับความผิดทางวินัยร้ายแรงเนื่องจากธนาคารออมสิน ได้มีคำสั่งที่ บค.ล.(ว)1-40/2565 ลงวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2565 ลงโทษไล่นางสาวรษา ส.ออกแล้ว จึงไม่มีเหตุที่จะต้องส่งรายงานสำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อดำเนินการทางวินัยตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ 2561 มาตรา 91(2) และมาตรา 98 ให้แจ้งผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ให้ผู้บังคับบัญชาของนางสาวรษา ส. ทราบต่อไป
ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวนเอกสารหลักฐานสำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาล ซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีกับนางสาวรษา ส.ตามฐานความผิดดังกล่าวตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ 2561 มาตรา 91(1) ต่อไป
คำวินิจฉัยคณะกรรมการ ป.ป.ช.
ทั้งนี้ ให้แจ้งธนาคารออมสินสาขาวังทองอำเภอวังทองจังหวัดพิษณุโลกดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจเพื่อให้มีการชดใช้ค่าเสียหายต่อไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ.ศ 2561 มาตรา 82 วรรคสอง