“หญิงหน่อย” เปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.ไทยสร้างไทย เชียงราย ชูร่างกฎหมายบำนาญ ปชช.เดือนละ 3,000 บาท
วันที่ 25 ธ.ค. 2565 ที่ศูนย์ประสานงานพรรคไทยสร้างไทย เขต 8 จ.เชียงราย ตั้งอยู่หมู่บ้านเหล่าเจริญราษฎร์ หมู่ 11 ต.ทุ่งก่อ อ.เวียงเชียงรุ้ง จ.เชียงราย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย เดินทางไปปราศรัยนโยบายพรรคและทำความเข้าใจเรื่องบำนาญประขาชน โดยมีมวลชนเข้าร่วมประมาณ 1,500 คน มีการร่วมลงชื่อเพื่อร่วมผลักดันกฎหมายบำนาญประชาชนให้แก่ผู้สูงอายุเดือนละ 3,000 บาท ด้วย พร้อมกับเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร สส.พรรคไทยสร้างไทยจังหวัดเชียงราย ประกอบด้วย นายอภิชิต ศิริชัย ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 นายรชฎ อึ้งอภินันท์ ว่าที่ผู้สมัครส.ส. เขต2 อดีต รองนายก อบจ.เชียงราย นายสฤษฏ์ อึ้งอภินันท์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เขต 3 อดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทย จ.เชียงราย นายอุดมเดช ดวงแก้ว ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 7 อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคพลังท้องถิ่นไท นายบัวสอน ประชามอญ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เขต 8 จังหวัดเชียงราย อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ อดีต ส.ส.พรรคพลังประชาชน
จากนั้น คุณหญิงสุดารัตน์ได้ ทำการเปิดที่ทำการศูนย์ประสานงานพรรคไทยสร้างไทย อย่างเป็นทางการโดยได้ทำการใช้ไม่ไผ่สอยรังมดแดงที่ทำขึ้นโดยภายในบรรจุข้าวตอกเอาไว้ให้ร่วงลงมาเสมือนมีความอุดมสมบูรณ์ของอาหาร ซึ่งเป็นตัวแทนของการกินดีอยู่ดี และมีอาหารอุดมสมบูรณ์ จากนั้นได้เดินทางไปทำกิจกรรมเดียวกันในพื้นที่ อ.เชียงของ และ อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า พรรคไทยสร้างไทยเป็นพรรคการเมืองใหม่แต่เราก็กล้าจะวางนโยบายและนำเสนอร่างกฎหมายประกอบเข้าไปยังสภาผู้แทนราษฎร์เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนได้ทันทีเมื่อได้รับเลือกเข้าไปเป็นรัฐบาลหลังการเลือกตั้งสมัยหน้าไว้แล้ว หลังจากตลอดช่วงเวลา 8 ปีที่ผ่านมาประชาชนต้องลำบากมากจากภาวะเศรษฐกิจและการจะเปลี่ยนแปลงให้ง่ายที่สุดคือการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี ในอดีตที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเป็นเวลา 4 ปีสมัยพรรคไทยรักไทยเป็นรัฐบาล ใช้เวลาเพียงประมาณ 6 เดือนก็ขับเคลื่อนโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคได้
ดังนั้นการที่พรรคไทยสร้างไทยมีนโยบายให้บำนาญกับผู้สูงอายุเบื้องต้นเดือนละ 3,000 บาท ถือว่าเป็นเรื่องที่ง่ายกว่ามากและจะใช้งบประมาณเพียง 300,000 ล้านบาทต่อปีซึ่งสามารถหางบประมาณมาใช้ในส่วนนี้ได้แน่นอน นโยบายนี้จะขับเคลื่อนได้ทันทีเนื่องจากปัจจุบันพรรคได้นำเสนอร่างกฎหมายนี้เข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร์แล้วและหากได้เข้าไปเป็นรัฐบาลก็จะเดินหน้าจัดสรรงบประมาณให้บำนาญกับผู้สูงอายุได้ทันทีเป็นเวลา 3 ปี หลังจากนั้นก็จะเพิ่มเงินบำนาญนี้ขึ้นเป็นเดือนละ 5,000 บาทต่อไป ซึ่งมีการขับเคลื่อนมาแล้วตั้งแต่ที่ทางพรรคยังไม่มี ส.ส.อยู่แม้แต่คนเดียว ในส่วนของงบประมาณ 300,000 ล้านบาทต่อปี เม็ดเงินไมได้หายไปไหนแต่จะหมุนเวียนอยู่ในระบบและทำให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจเพราะจะทำให้มีการใช้จ่าย ทั้งยังทำให้ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้นอีก 30% สามารถลดคนจนลงได้ถึงกว่า 25 ล้านคนภายใน 3 ปีแรกที่ดำเนินนโยบาย อย่างไรก็ตามการจะขับเคลื่อนนโยบายจำเป็นต้องใช้รายชื่อประชาชนประมาณ 5 ล้านคนในการสนับสนุนปัจจุบันจึงมีการเปิดให้ลงรายชื่อและมีผู้ลงชื่อสนับสนุนแล้วประมาณ 1 ล้านคนซึ่งในอนาคตเชื่อว่าครบตามจำนวน
“นอกจากนี้ยังมีนโยบายเพิ่มค่าตอบแทนให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน หรือ อสม. จำนวน 2,500 บาท ต่อเดือนและจัดการอบรมเพื่อให้ได้รับประกาศนียบัตรพร้อมจัดสรรเครื่องมือในการทำงานให้ นโยบายคูปองให้การศึกษาตั้งแต่ระดับอนุบาลขึ้นไปจนกว่าจะสำเร็จการศึกษา แปลงสลากกินแบ่งรัฐบาลให้เป็นเงินออมโดยออกแบบให้มีสลากเงินออมเพื่อคืนให้ผู้ซื้อเมื่อครบ 10 ปี แต่ทั้งหมดจะขับเคลื่อนไม่ได้ถ้าไม่ได้รับเลือกตั้งจากประชาชน ดังนั้นที่ จ.เชียงราย ซึ่งเป็นพื้นที่สำคัญที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว จึงได้เลือกบุคคลที่มีคุณภาพโดยหนึ่งในนั้นคือนายบัวสอน ประชามอญ ที่นะมาร่วมกันสร้างบ้านใหม่คือพรรคไทยสร้างไทยและคาดหวังว่าจะส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งให้ครบทุกเขตต่อไป” คุณหญิงสุรารัตน์ กล่าว
ด้านนายบัวสอน กล่าวว่าสาเหตุที่ตนเลือกมาอยู่กับพรรคไทยสร้างไทยเพราะคุณหญิงสุดารัตน์ถือว่ามีความรู้ความสามารถและเหมาะอย่างยิ่ง ประกอบกับนโยบายพรรคโดยเฉพาะนโยบายบำนาญประชาชนให้แก่ผู้สูงอายุเดือนละ 3,000 บาท และอื่นๆ ซึ่งจะเป็นผลดีต่อประชาชนอย่างมาก ในช่วงนี้จึงได้เปิดให้ประชาชนลงรายชื่อสนับสนุนซึ่งทำได้ประมาณ 14,000-15,000 คนแล้ว