ผู้ว่าฯ เชียงราย ร่วมเจ้าแขวงบ่อแก้ว ประชุมเตรียมเปิดจุดผ่อนปรนการค้าและด่านพรมแดน

204

ผู้ว่าฯ เชียงราย ร่วมเจ้าแขวงบ่อแก้ว ประชุมเตรียมเปิดจุดผ่อนปรนการค้าและด่านพรมแดน

วันที่ 19 กันยายน 2565 เวลา 14.00 น. นายภาสกร บุญญลักษม์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ร่วมกับท่าน ดร.บัวคง นามมะวง เจ้าแขวง แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว ได้ประชุมพิจารณาเปิดจุดผ่อนปรนการค้าและด่านพรมแดน ระหว่างแขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว กับจังหวัดเชียงราย ประเทศไทย พร้อมหัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมการประชุม ณ ห้องประชุม ห้องว่าการแขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว

ที่ประชุมได้มีการปรึกษาหารือในการเปิดชายแดนท้องถิ่นและด่านประเพณี เนื่องด้วยสถานการณ์ในปัจจุบัน การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้คลี่คลายลง ได้มีการประชุมหารือเรื่องเตรียมความพร้อมเปิดจุดผ่อนปรนการค้า และด่านพรมแดน โดยทั้งสองฝ่ายมีความเห็นชอบให้มีการเปิดจุดผ่านแดนร่วมกัน ซึ่งการประชุมเพื่อเตรียมความพร้อมเปิดจุดผ่อนปรนการค้าและด่านพรมแดน ทั้งสองฝั่ง ในครั้งนี้ เพื่อเป็นการฟื้นฟูวิถีชีวิตของประชาชนระหว่างแขวงบ่อแก้วกับจังหวัดเชียงราย เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน การขนส่ง การท่องเที่ยว บริเวณที่ชายแดน และศิลปะวัฒนธรรมอันดีงาม รวมถึงเป็นการส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างกัน ตลอดทั้งการพัฒนาร่วมมือในด้านต่างๆ

 

สำหรับจุดผ่อนประการค้าและด่านพรมแดนของจังหวัดเชียงราย ที่กำลังเตรียมความพร้อมในการเปิดจุดผ่อนปรน ประกอบด้วยจุดผ่อนปรนการค้าบ้านสวนดอก ต.บ้านแซว อ.เชียงแสน, จุดผ่อนปรนการค้าบ้านหาดบ้าย ต.ริมโขง อ.เชียงของ, จุดผ่อนปรนการค้าบ้านแจมป๋อง ต.หล่ายงาว อ.เวียงแก่น, จุดผ่อนปรนการค้าบ้านห้วยลึก ต.ม่วงยาย อ.เวียงแก่น, จุดผ่อนปรนการค้าบ้านร่มโพธิ์ทอง ต.ตับเต่า อ.เทิง, ท่าเรือเชียงของ ต.เวียง อ.เชียงของ และด่านพรมแดนเชียงของ แห่งที่ 3 (ท่าผาถ่าน) ต.เวียง อ.เชียงของ ซึ่งทุกจุดพร้อมที่จะเปิดให้ประชาชนได้ใช้บริการ ตั้งแต่วันที่ 20 กันยายน 2565 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ การเปิดจุดผ่อนปรนทางการค้าจุดผ่านแดนระหว่างแขวงบ่อแก้วและจังหวัดเชียงรายเป็นการเปิดจุดผ่อนปรนเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนการค้าขายสินค้าระหว่างสองประเทศ ซึ่งจะเป็นสินค้าเครื่องอุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวัน ซึ่งไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวผ่านทางช่องทางจุดผ่อนปรนนี้ สำหรับนักท่องเที่ยวที่สัญจรข้ามแดนจะต้องใช้จุดผ่านแดนสากลเท่านั้น โดยให้นายอำเภอในพื้นที่เป็นหัวหน้าคณะในการพิจารณาการเดินทางเข้าออกของประชาชนในจุดผ่อนปรน และให้มีมาตรการด้านสาธารณสุขร่วมกันทั้งสองประเทศให้เป็นรูปแบบเดียวกัน เพื่อเป็นการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 และโรคฝีดาษลิงอีกด้วย ทั้งนี้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจระหว่างประเทศ อีกทั้งเป็นการคืนความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างประเทศ