202

กัญชาแม่โจ้ 03 ออกฤทธิ์ขั้น”วางมวย” ลูกค้าเข้าคิวซื้อไม่ทัน

วันที่ 15 มิถุนายน 2565 รายงานข่าวแจ้งว่า ในเช้าวันนี้ที่จุดจำหน่ายต้นกล้ากัญชาพันธ์แม่โจ้ 03 หน้ามหาวิทยาลัยแม่โจ้ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ ขณะที่เจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัยได้นำต้นกัญชาจากศูนย์วิจัยและพัฒนาเกษตรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ออกมาวางจำหน่าย ให้กับประชาชนที่จองคิวสั่งซื้อไว้ล่วงหน้า พากันมารับต้นกัญชา และ บางส่วนเดินทางมาจองคิวที่จุดขายจนทำให้คิวเต็มอย่างรวดเร็ว สร้างความไม่พอใจให้กับชายคนหนึ่งอายุประมาณ 50 ปี ที่เดินทางมาจากอำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่

ข่าวแจ้งว่า แม้ว่าเจ้าหน้าที่แจ้งว่าคิวจองกัญชาเต็ม แต่ชายคนดังกล่าวไม่ยอมกลับ แต่ได้ยืนตัดพ้อต่อว่าเจ้าหน้าที่อย่างมีอารมณ์ และต่อว่าเป็นเพราะการบริหารจัดการไม่ดี ทำให้ประชาชนเสียโอกาส อีกทั้งกล่าวด้วยว่าต้นกัญชา ทั้งหมดจากการค้นคว้าวิจัยมาจากเงินภาษีประชาชน

สถานการณ์เริ่มบานปลาย เจ้าหน้าที่พยายามบอกให้ใจเย็นและขอให้มาจองคิวใหม่ แต่ชายคนดังกล่าวยังไม่ยอมสงบสติอารมณ์และยังคงพูดจาประชดประชันเจ้าหน้าที่ จนในที่สุดเกิดการท้าทายระหว่างชายคนนี้กับเจ้าหน้าที่ ก่อนจะระเบิดอารมณ์เข้าชกต่อยกันพัลวัน ท่ามกลางสายตาของประชาชนที่เดินทางมารับต้นกัญชา

ข่าวแจ้งด้วยว่า ขณะนั้นมีชายคนหนึ่งที่เดินทางไปรับต้นกัญญาเข้าไปห้ามปรามจนทำให้ถูกลูกหลง โดนชกเข้าที่ใบหน้าและเท้าฉีกจนเลือดสาด เจ้าหน้าที่กู้ภัยแม่โจ้ได้เข้ามปฐมพยาบาล และแยกคู่กรกรณีออกจากกันไป นับว่าเป็นครั้งแรกที่เกิดเหตุชกต่อยกันที่มีสาเหตุมาจากการซื้อต้นกัญชา

จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ทราบว่าทางมหาวิทยาลัย นำต้นกล้ากัญชาพันธ์แม่โจ้ 03 มาจำหน่ายให้กับประชาชนที่สนใจตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายน ปรากฏว่ามีคนสนใจเข้ามาซื้อจนหมดเกลี้ยงทุกวัน ทำให้ช่วงหลังต้องใช้ระบบจองคิว โดยในแต่ละวันจะเปิดรับ 80 คิว ซื้อได้คนละไม่เกิน 5 ต้น รวมทั้งหมด 400 ต้นต่อวัน ซึ่งแต่ละวันมีเข้ามาจองคิวในช่วงเช้าจนคิวเต็มทุกวัน ทำให้บางคนผิดหวัง

ทางด้าน ดร.สุดเขต สกุลทอง ผู้ช่วยอธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ กล่าวว่า ทางมหาวิทยาลัยเปิดขายต้นกล้าพันธุ์กัญชาสายพันธุ์แม่โจ้ 03 ในราคาต้นละ 30 บาท เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ง่าย สำหรับนำไปใช้ประโยชน์ในครัวเรือนและดูแลสุขภาพ โดยผู้ที่สนใจสามารถติดต่อซื้อหรือสอบถามรายละเอียดได้ที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาเกษตรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ซึ่งปรากฏว่าผลตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างมาก ทำให้ขายหมด 50,000 ต้นในเวลารวดเร็ว จนปริมาณต้นกล้าไม่เพียงพอกับความต้องการและต้องเริ่มจำกัดการซื้อได้รายละไม่เกิน 5 ต้น เพื่อเร่งทำการเพาะต้นกล้าให้เพียงพอต่อความต้องการ