พิธีบวงสรวงขอพระบรมราชานุญาตดวงพระวิญญาณบุรพมหากษัตริย์ไทย และสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เพื่อรื้อถอนอาคารบดบังศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช บริเวณเขตโบราณสถานพระราชวังจันทน์ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก อีกทั้งการต่อเติมอาคารรูปเกือกม้า หรือตัวC ด้านหลังศาลฯหลังเก่าในเช้าวันที่22 เมษายน2562 โดยนายอนันต์ ชูโชติ อธิบดีกรมศิลปากร ประธานในพิธี มีข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน ร่วมพิธีจำนวนมาก
กล่าวกันว่าอาคารดังกล่าวถูกก่อสร้างตามนิมิตของพระสงฆ์รูปหนึ่ง ในที่สุดชาวพิษณุโลกโดยเฉพาะอย่างยิ่งศิษย์เก่าโรงเรียนพิษณุโลกพิทยาคม(พ.พ.)มีการรวมตัวออกมาคัดค้านนานนับปี โดยแกนนำ“หัวหมู่ทะลวงฟัน“ พ.อ.เชาว์ เกตุดี ประธานชมรม พ.พ. 14-16 และนายมนตรี ศรีภิรมย์ เป็นเลขาฯออกมาเคลื่อนไหวและเรียกร้องให้อนุรักษ์ศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราชหลังเก่า ที่มีคุณค่าทางจิตใจ และทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์
ไม่ว่าจะเป็นพระหรือฆราวาส มิอาจสามารถลบเลือนความจดจำที่ยากจะจืดจางจากจิตใจชาวพิษณุโลก
เนื่องจาก พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนิน ทรงเปิดศาลฯเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2505
ดังมีพระราชดำรัส พระราชทาน ความว่า
“ข้าพเจ้าและพระราชินี มีความยินดีที่ได้มีโอกาสมาร่วมในพิธีเปิดศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราชที่ได้จัดสร้างขึ้นใหม่ในอาณดาบริเวณ ซึ่งเป็นที่พระราชสมภพแห่งนี้สมเด็จอดีตมหาราชพระองค์นี้ ได้ทรงบากบั่นกอบกู้เอกราชและสร้างความมั่นคงให้แก่ชาติของเราด้วย พระวิริยะอุตสาหะอย่างยิ่งดังที่นายกรัฐมนตรีได้กล่าวมาแล้วพระราชวีรกรรมของพระองค์เด่นชัดอยู่ในประวัติศาสตร์ทรงมีพระคุณูปการแก่ชาติบ้านเมืองและพสกนิกรชาวไทยยิ่งนัก ฉะนั้นการที่ทางราชการได้ร่วมมือกับบรรดาพ่อค้าประชาชน จัดสร้างศาลของพระองค์ขึ้นใหม่ แทนของเดิมให้เหมาะสม
จึงสมควรอย่างยิ่ง เพราะนอกจากจะเป็นการแสดงความเพียรพยายามที่จะเทิดพระเกียรติทุกวิธีทางแล้ ยังเป็นการแสดงกตัญญูกตเวทิตาธรรมอันควรแก่การสรรเสริญและอนุโมทนาในการกอบกู้เอกราชและเสริมสร้างความมั่นคงแก่ชาติบ้านเมืองเป็นลำดับมานั้น สมเด็จพระนเรศวรมหาราชและบรรพบุรุษของเราทั้งหลาย ต้องฝ่าฟันอุปสรรคนานับประการมาด้วยความเหนื่อยยากและความเสียสละแล้วเพียงไรก็ทราบกันอยู่แล้ว ฉะนั้นควรที่เราทั้งหลายจะพยายามช่วยกันรักษามรดกอันล้ำค่า ซึ่งได้ตกทอดมาถึงเราไว้ให้ดีอย่าให้สูญสลายไปได้
ได้เวลาแล้วข้าพเจ้าจะได้ประกอบพิธีเปิดศาลขอให้ศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช จงสถิตสถาพรเป็นอนุสรณ์เฉลิมพระเกียรติเมืองนี้ ในวีรมหาราชพระองค์นั้นชั่วกาลนานสมดังปณิธานที่ได้จัดสร้างขึ้นเทอญ”
อย่างไรก็ตาม เช้าวันที่22 เมษายน2562 ก่อนจะมีพิธีพราห์มบวงสรวง ประกอบด้วย เครื่องสังเวย วงปี่พาทย์ ภายหลังที่นายอนันต์ ชูโชติ อธิบดีกรมศิลปากร ได้สักการะสมเด็จพระนเรศวรมหาราช กล่าวแสดงความรู้สึกต่อหน้า พ.อ.เชาว์ เกตุดี ประธานกลุ่มเรารักศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และผู้ติดตามว่า
“ปัญหาจะทำอย่างไรชาวพิษณุโลกต้องช่วยกันและบำรุงรักษาบ้างดูสภาพมันสกปรกไปดูอุทยานประวัติศาสตร์ที่เราทำแทบจะนอนบนสนามหญ้าได้เลย”
การเอ่ยอ้างราวกับจะปลุกจิตสำนึกประชาชนชาวพิษณุโลกแล้วนั้น อาจอนุมานได้ว่าอันดับแรก กล่าวคือองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก ในฐานะผู้รับถ่ายโอนการดูแลมาจากกรมศิลปากร นอกจากนั้นศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราชและโบราณสถานพระราชวังจันทน์ ตั้งอยู่ภายในเขตเทศบาลนครพิษณุโลก ประการสำคัญคณะผู้บริหารและสมาชิกสภาเทศบาลนครพิษณุโลกชุดปัจจุบันใช้ชื่อ“คณะลูกนเรศวร”
นั่นอันอาจรวมไปถึงจังหวัดพิษณุโลกโดยผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก คงจะใช้โอกาสอันงดงามในฐานะที่เป็นศิษย์เก่าโรงเรียนพิษณุโลกพิทยาคม และเคยศึกษาร่ำเรียนกันมา ซึ่งในอดีตเป็นสถานที่ตั้งโรงเรียนพิษณุโลกพิทยาคม
อย่างไรก็ตามกรมศิลปากร คงมิอาจปฏิเสธความรับผิดชอบการดูแลไปได้เนื่องจากมีหน่วยงานในสังกัดประจำอยู่ในพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก ที่ต้องประสานกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อดูแลความเป็นระเบียบเรียบร้อยของพระราชวังจันทน์โบราณสถานให้สง่างามสมพระเกียรติ
หากทุกฝ่ายมีความรู้สึกร่วมกันในอันที่จะรักษาสมบัติของชาติและสถานที่ที่มีความสำคัญและศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ไว้ ไม่ใช่เป็นเพียงขอใช้ชื่อ สถานที่วิงวอนขอพร หรือบนบานศาลกล่าว ขอให้สัมฤทธิ์ผลสมดังปรารถนาเท่านั้น
เคยมีผู้กล่าวไว้ว่าแม้แต่“นายอนันต์ ชูโชติ“ยังเคยมาวิ่งรอบศาลฯภายหลังได้รับแต่งตั้งเป็นอธิบดีกรมศิลปากร
“พระราชวังจันทน์” แผ่นดินอันศักดิ์สิทธิ์สถานที่พระราชสมภพ และประดิษฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ซึ่งผู้คนทั่วสารทิศเดินทางมาสักการะบูชา และรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณวีรกษัตริย์นักรบที่เกรียงไกรในปฐพี
ชาวพิษณุโลก คงมีความภาคภูมิในฐานะเทือกเหล่ากอลูกหลานที่บรรพชนเคยร่วมรบหลั่งเลือดในสมรภูมิ
กร บ้านกร่าง. รายงาน