“DSI” รับคดี “สวนแสงพรหมรีสอร์ท” ก่อสร้างไม่ตรง นส. 3 ข ห่าง 3 กม.

วันที่ 24 เมษายน 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีทหาร ศปป.4 กอ.รมน.และเจ้าหน้าที่ป่าไม้สำนักงานจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 4 สาขาพิษณุโลก และชุดหน่วยเฉพาะกิจพยัคฆ์ไพร เข้าทำการตรวจยึดและจับกุมสวนแสงพรหมรีสอร์ท หมู่ที่ 1 ตำบลคันโช้ง อำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก เนื่องจากการก่อสร้างอาคารรีสอร์ทและครอบครองที่ดินเกิน นส.2 ข พื้นที่ 102 ไร่

ด้านนายบุญลาภ สุกใส ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 4 สาขาพิษณุโลก กล่าวว่า การที่สวนแสงพรหมรีสอร์ท ได้ขอออก นส.2 ข น่าจะไม่ถูกต้อง เนื่องจากออกภายหลังประกาศเป็นป่าไม้ถาวร ซึ่งเรื่องนี้ประสานกับกรมสืบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI มาตามลำดับ เพื่อดำเนินการสืบสวน เพราะป่าไม้ไม่มีอำนาจในการสอบสวน พบว่าใบจอง นส.2 ข ฉบับนี้เป็นคนละพื้นที่กับการก่อสร้างรีสอร์ทอยู่ห่างจาก นส.2 ข ตัวจริงประมาณ 3 กิโลเมตร ภายหลังจากเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมได้ประสานกับ DSI รับเรื่องไปดำเนินคดี

ทั้งนี้ ดีเอสไอเป็นคดีความผิดตามกฏหมายว่าด้วยป่าสงวนแห่งชาติ และการบุกรุกยึดถือครอบครองพื้นที่ป่าไม้เนื้อที่ตั้งแต่ 100 ไร่ขึ้นไป

รายงานข่าวแจ้งว่า ในวันเดียวกัน 24 เมษายน นายสมพร ทิพยโสตนัยนา ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษภาค 6 พิษณุโลก และเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ได้เดินทางไปติดตามคดีดังกล่าวที่สำนักจัดการกรป่าไม้ที่ 4 สาขาพิษณุโลกแล้ว นอกจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้เรียกเจ้าหน้าที่ที่ดินอำเภอวัดโบสถ์ มาสอบสวนเพิ่มเติมเกี่ยวกับการออก นส.2 ข ภายหลังประกาศ ครม. วันที่ 9 มกราคม 2509 แต่ นส.2 ข ออกในปี 2513

ข่าวแจ้งด้วยว่า พร้อมกันนี้นายอิทธิพล ประเทือง หัวหน้าหน่วยป้องกันและพัฒนาป่าไม้วัโบสถ์ ได้เอกสารหลักฐาน การตรวจยึดครั้งนี้ มีสิ่งปลูกสร้าง 30 หลัง ห้องพักจำนวน 44 ห้อง  รวมทั้งสิ้น 40 รายการ นำส่ง สภ.วัดโบสถ์