เชียงราย แห่แจ้งความช่างเฟอนิเจอร์หลอกขายสินค้ากว่า 50 ราย
วันที่ 14 พฤษภาคม 2565 ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงราย นายจุลจักร์พงษ์ อุบลบาล อายุ48 ปี ภูมิลำเนาตามบัตรอยู่ที่อำเภอชนบท จังหวัดขอนแก่น พร้อมผู้เสียหายภายในจังหวัดเชียงราย และจังหวัดใกล้เคียงกว่า 10 ราย เดินทางเข้าพบกับ ร.ต.ท.ธีรกิตติ์ ไชยสุภาพ พนักงานสอบสวนเวร สภ.เมืองเชียงราย เพื่อให้ดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกงกับนายไพโรจน์ ยงสุวรรณ์ หรือ นายธนโชติ ธนทัตสุวรรณ์ อยู่บ้านเลขที่ 27/1 ม.3 ต.ผางาม อ.เวียงชัย จ.เชียงราย
นายจุลจักร์พงษ์ อุบลบาล กล่าวว่า ตนจะเปลี่ยนอุปกรณ์ตู้เสื้อผ้าโต๊ะเครื่องแป้งในหอพัก เลยเข้าไปหาข้อมูลผู้ประกอบการที่หลอกลวงตน จนมีการตกลงกันว่าจะจัดซื้อจัดจ้าง และมมีการโอนเงินไป 2 ครั้ง เป็นวงเงินร่วม 40,000 บาท
ต่อมาตนได้ตรวจสอบว่าผู้ประกอบการรายนี้มีรายชื่อเป็นผู้หลอกลวง พอไปแจ้งความตำรวจให้ลงบันทึกประจำไว้แล้วไปหาทนายฟ้องกันเอง โดยส่วนคตนแล้วอยากให้ตำรวจหาทางดำเนินคดีกับผู้ประกอบการรายนี้ เพื่อไม่ให้ไปหลอกลวงคนอื่นอีก ตนไม่เข้าใจการทำงานของตำรวจที่ดูเหมือนกับว่าจะเอื้อให้ผู้ก่อเหตุใช้ช่องโหว่ทางกฏหมายมาหลอกลวงคนอื่น รวมทั้งอยากจะเรียกร้องให้ผู้เสียหายมาแจ้งความกันให้มากที่สุด เพื่อที่จะได้ยกระดับคดีให้มีผู้ก่อเหตุได้รับโทษที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น เพราะคาดว่ามีผู้เสียหายรายอื่นๆอีกไม่น้อยกว่า 50 ราย คิกเป็นมูลค่าความเสียหายกว่า 1 ล้านบาท
ด้านนายบุญทอง จินะการ อายุ 27 ปี ชาวต.แม่ยาว อ.เมือง จ.เชียงราย ผู้เสียหายอีกคนกล่าวว่า ตนถูกหลอกก่อนหน้านี้มาได้ร่วม 3 ปีแล้ว สูยเงินกว่า 10,000 บาท ที่แรกว่าจะปล่อยไปเนื่องจากเห็นว่าค่าจ้างทหนายหรือค่าดำเนินการคงไม่คุ้มกับค่างทวงเงินคืน แต่มาถึงวันนี้มีผู้เสียหายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แสดงว่าผู้ก่อเหตุยังไม่หยุดพฤติกรรม อีกทั้งยังมีเปลี่ยนชื่อเปลี่ยนนามสกุลและเปลี่ยนเฟสไปอีกหลายชื่อเพื่อหลอกเหยื่อ จึงต้องการมาร้องทุกข์เพื่อสกัดกั้นไม่ให้คนไม่ดีไปหลอกคนอื่นได้อีก ตนไม่หวังและคิดว่าจะได้เงินคืน แต่อยากให้มีการลงโทษทางกฎหมายกับคนประเภทนี้
เช่นเดียวกับนายณรงค์เดช ปิ่นคำ ชาว ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ผู้เสียหายอีกคนที่เคยบุกไปทวงถามสินค้าถึงบ้านนายไพโรจน์และแจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจไว้แล้วกล่าวว่าผู้ก่อเหตุไม่เกรงกลัวอะไรเลย ไปสอบถามก็ยังเฉยและบ่ายเบี่ยงไปมาแม้ตนจะพาทางตำรวจและผู้นำพื้นที่ไปเจรจาก็ยังไม่ยอมดำเนินการทำสินค้าให้หรือจะจ่ายเงินคืน ตนจึงแจ้งความร้องทุกข์ไว้ให้ดำเนินคดี แม้ตนจะเสีนเงินค่าโอนไปเพียงเล็กน้อยแค่ 2,000 บาท จากยอดที่ตกลงไว้ 5,000 บาท แต่การที่ไม่รับผิดชอบในหน้าที่การงานที่รับปากไว้ก็ควรจะต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่ทำ
ล่าสุด ร.ต.ท.ธีรกิตติ์ ได้รับแจ้งความร้องทุกข์จากผู้เสียหายทั้งหมดในเบื้องต้นไว้แล้ว โดยระบุว่าจะต้องมีการรวบรวมจำนวนผู้เสียหาย มูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้น ตลอดจนหลักฐานเอกสารต่างๆให้ครบเสียก่อน จึงจะสามารถวิเคราะห์ได้ว่าจะดำเนินการผู้ก่อเหตุรายนี้ได้บ้าง เนื่องจากผู้ก่อเหตุมีการกระทำที่นรอบคอบมีการทำสัญญาตกลงกับคู่สัญญาทุกราย ซึ่งอาจไม่เข้าข่ายฉ้อโกง แต่ทั้งนี้จะมีการปรึกษากับฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะเข้าข่ายกฎหมายด้านใดได้บ้าง ซึ่งจะต้องใช้เวลาในการสอบผู้เสียหายและรวบพยานหลักฐานอีกระยะหนึ่ง