พิษณุโลก อัยการภาค 6 นำทีมสอบ อดีต ผกก.โจ้ กับพวกในเรือนจำ ระบุใช้ถุงคลุมศีรษะ 6 ถุง ขันชะเนาะ ตั้ง 3 ข้อหาหนัก
พนักงานสอบสวนเชื่อตามผลทางนิติวิทยาศาสตร์ คาดไม่เกิน 30 วัน ทำสำนวนส่งคดีฟ้องศาลใน 3 ข้อหา ฆ่าคนตายโดยทรมานโหดร้าย –หน่วงเหนี่ยวกักขังทำให้คนตาย-เจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
วันที่ 2 กันยายน 64 นายสมพงษ์ เย็นแก้ว รองอธิบดีอัยการภาค 6 พ.ต.ท.ชน อินพิทักษ์ อัยการผู้เชี่ยวชาญพิเศษสำนักอัยการ ภาค 6 และเลขานุการอัยการ ภาค 6 พร้อมด้วยพล.ต.ต. ไตรรงค์ ผิวพรรณ รอง ผบช.ภ.6 พ.ต.อ. เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. และทนายความผู้ต้องหาร่วมกันสอบสวน พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล อดีตผู้กำกับการ สภ.เมืองนครสวรรค์และผู้ต้องหารวม 7 คน ที่เรือนจำกลางพิษณุโลก ต.สมอแข อ.วังทอง จ.พิษณุโลก
ทั้งนี้ ทีมอัยการได้รับมอบหมายจากอธิบดีอัยการภาค 6 ให้มาร่วมกับพนักงานสอบสวนตามกฎหมาย เพื่อตรวจสอบพยานหลักฐานข้อเท็จจริงล่าสุดตั้งข้อหาไว้เหมือนเดิม 3 ข้อหา คือ 1.ฆ่าคนตายโดยทรมานโหดร้าย 2.หน่วงเหนี่ยวกักขังทำให้คนตาย 3.เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
นายสมพงษ์ เย็นแก้ว รองอธิบดีอัยการภาค 6 กล่าวว่า ฝั่งผู้ต้องหาได้กล่าวอ้าง แต่ทางพนักงานสอบสวนเชื่อในผลนิติวิทยาศาสตร์ ผลแห่งการกระทำ โดยเฉพาะการชันสูตรพลิกศพ ทั้งนี้จากสำนวนคดีที่แจ้งความไว้เป็นการกระทำโดยพนักงานของเจ้าพนักงานสอบสวนเพียงฝ่ายเดียว พนักงานอัยการยังไม่มีส่วนร่วมด้วย แต่ตามกฎหมายอัยการต้องมาร่วมสอบสวนให้ครบตามกระบวนการ การสอบสวน ผกก.โจ้ ครั้งนี้ ได้แจ้งข้อกล่าวหา ซึ่งเป็นสิทธิตามกฎหมายว่าเขากระทำความผิดอะไรบ้าง แล้วเขาจะให้การอย่างไร โดยการสอบสวนมีพนักงานอัยการ พนักงานสอบสวน และทนายความของผู้ต้องหา
รองอธิบดีอัยการภาค 6 กล่าวด้วยว่า ซึ่งระหว่างสอบสวนผู้ต้องหา 6 คนที่ร่วมกัน ไม่สามารถบอกว่า ทำตามนายสั่ง เพราะคำสั่งนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย สำหรับการสอบสวนตัวของ ผกก.โจ้ นั้นสอบสวนเสร็จแล้ว ยังคงให้การภาคเสธ ว่ากระทำจริง แต่อ้างว่า ไม่ได้มีเจตนาฆ่า อ้างว่าต้องการเค้นข้อมูล แต่ทางอัยการฯ แจ้งข้อกล่าวหาว่า ฆ่าคนตายโดยเจตนา เล็งเห็นผลโดยทารุณโหดร้ายและทรมาน
“ซึ่งผู้ต้องหามีสิทธิให้การยังไรก็ได้ แต่ในบทบาทของพนักงานสอบสวน และพนักงานอัยการ ต้องดูที่พยานหลักฐานที่ปรากฏ ดูที่การกระทำและผลแห่กรรมเป็นเครื่องชี้ชะตา ไปดูที่เจตนาว่า ฆ่าจริงหรือไม่ ทารุณโหดร้ายจริงหรือไม่ แต่ทำไมพฤติการณ์ของ ผกก.โจ้ ทำลงไปตามหลักฐานที่ปรากฏ คือ ใช้ถุงคลุมศีรษะถึง 6 ถุง มีการขันชะเนาะ หลายรอบ การขันชะเนาะนั้นตามหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ที่มี พบว่ามีร่องรอยช้ำแดง แสดงว่าการขันรอบคอมีลักษณะการใช้ความรุนแรง ยิ่งกดแรงเท่าไหร่ก็เหมือนการบีบคอ อากาศไม่สามารถหายใจได้ อีกทั้งการกดคอลงกับพื้นยิ่งทำให้ไม่มีอากาศ อีกทั้งมีการใส่กุญแจมืออีก สิ่งที่พบตามหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ คือ ผู้ถูกกระทำไม่ได้รับออกซิเจนไปเลี้ยงสมองนานถึง 4-7 นาทีส่งผลทำให้สมองตาย”นายสมพงษ์ กล่าว
รองอธิบดีอัยการภาค 6 กล่าวอีกว่า ไม่ว่าผู้ต้องหาจะอ้างหรือปฏิเสธอย่างไร ทางพนักงานสอบสวนเชื่อในหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ เชื่อหลักฐานของแพทย์ผู้ชำนาญการที่มีหน้าที่โดยตรง พบว่า แพทย์ได้ผ่าตัดสมอง มีร่องรอยการขาดออกซิเจนนานๆ มีผลต่อสมองอย่างไร เส้นเลือดบวมอย่างไร ไม่เคยเชื่อคำกล่าวอ้างลอยๆ ของผู้ต้องหา ส่วนคำถามที่ว่า “โรคไบโพล่า” ที่ผู้ต้องหากล่าวอ้างนั้น พิจารณาจากหลักฐาน(ตามคลิป) ยืนยันว่า ผู้ที่เป็นโรคไบโพล่า พอเกิดเหตุการณ์แล้ว ทำไม ? ไม่เกี้ยวกราดต่อ ทำไม? มีอาการตกใจ สั่งปั้มหัวใจ สั่งให้ทำลายหลักฐาน ลบคลิปทั้งหมด ซึ่งถ้าเป็นโรคไบโพล่าคงทำไม่ได้ เหตุการณ์วันดังกล่าว อดีต ผกก.โจ้ รู้ผิดชอบชั่วดี และยังบอก ให้พาไป รพ. อีกไม่น่าจะเป็นเหตุลดโทษได้
นายสมพงษ์ เย็นแก้ว รองอธิบดีอัยการภาค 6 เผยอีกว่า สัปดาห์หน้าใกล้เสร็จ รอสำนวนชันสูตรพลิกศพแล้ว นำมาประชุมร่วมอีกครั้ง เพื่อยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อไต่สวน คาดใช้เวลาไม่เกิน 30 วัน จะส่งสำนวนต่อศาลให้พิจารณาคดีได้ใน 3 ข้อกล่าวหาคือ 1.ฆ่าคนตายโดยทรมานโหดร้าย 2.หน่วงเหนี่ยวกักขังเป็นเหตุแก่ความตาย 3.เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่มิชอบโดยกฎหมาย
รายงานข่าวแจ้งว่า สภาพโดยทั่วไป อดีต ผกก.โจ้ และพวกอยู่ในอาการสงบ ไม่มีอาการเครียด เหมือนวันแรกๆ ทุกให้ความร่วมมือในการสอบสวนเป็นอย่างดี