นายกรัฐมนตรี และทีปรึกษาแห่งรัฐสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ร่วมเปิดสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา ข้ามแม่น้ำเมย แห่งที่ 2 พื้นที่ชายแดนอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก
วันนี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนางออง ซาน ซู จี ที่ปรึกษาแห่งรัฐสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ร่วมเป็นประธานพิธีเปิดสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา ข้ามแม่น้ำเมย หรือแม่น้ำตองยิน (ชื่อเรียกแม่น้ำเมยของพม่า) แห่งที่ 2 พื้นที่เชื่อมต่อระหว่างบ้านวังตะเคียนใต้ ตำบลท่าสายลวด อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ซึ่งเชื่อมระหว่างบ้านวังตะเคียนใต้ ตำบลท่าสายลวด อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก กับบ้านเยปู จังหวัดเมียวดี ประเทศสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา
โดยก่อสร้างเป็นสะพานคอนกรีตอัดแรงรูปกล่อง มีความยาวของสะพานทั้งหมด 760 เมตร แบ่งเป็นฝั่งไทย 515 เมตร และฝั่งเมียนมา 245เมตร ไม่มีเสาตอม่ออยู่กลางแม่น้ำ สะพานมีขนาด 2 ช่องจราจรไป-กลับ แยกช่องจราจรด้วยเกาะคอนกรีตแบบต่ำ ช่องผิวจราจรกว้างช่องละ 3.50 เมตร ไหล่ทางกว้างข้างละ 2.50 เมตร และทางเดินเท้ากว้างข้างละ 1.50 เมตร สำหรับการก่อสร้างสะพานมิตรภาพ ไทย – เมียนมา แห่งที่ 2 ใช้งบประมาณทั้งสิ้นประมาณ 4,281 ล้านบาท มีถนนในเขตไทยรวมระยะทาง 17 กิโลเมตร ถนนในฝั่งเมียนมา จังหวัดเมียวดี ระยะทาง 4 กิโลเมตร พร้อมด้วยด่านพรมแดน และอาคารของหน่วยงานต่างๆ
ซึ่งการเปิดสะพานครั้งนี้ จะเป็นการเชื่อมหน้าด่านประตูการค้า การลงทุน การท่องเที่ยวและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ไทยและเมียนมา รองรับเส้นทางแนวระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก East-West Economic Corridor- EWEC เป็นการเปิดฟ้านครแม่สอด-เมืองเมียวดี ให้เป็นเมืองเศรษฐกิจชั้นนำของภูมิภาค Asean Economics Community – AEC ในการเป็นเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก(แม่สอด)และเขตพัฒนาเศรษฐกิจเมืองเมียวดี MYAWADDY TRADE ZONE
โดยการเปิดใช้สะพานมิตรภาพฯแห่งที่ 2 นี้ เพื่อเป็นเส้นทางการส่งสินค้า ให้รถบรรทุกขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่ วิ่งผ่าน คาดว่าเมื่อมีการเปิดใช้สะพานแห่งที่ 2 แล้ว ประกอบการการก่อสร้างเส้นทางถนน 4- 6 ช่องทางจราจร บนเส้นทาง EWEC ตาก-แม่สอด แล้วเสร็จ เพื่อไปเชื่อมกับเส้นทางในสหภาพเมียนมา แม่สอด-เมียวดี-กอกาเรก-ผาอัน รวมทั้งจังหวัดชั้นนำและเมืองเศรษฐกิจในเมียนมา เช่น นครร่างกุ้ง-เมืองมะละแหม่ง เมืองหลวงรัฐมอญ ฯลฯ คาดว่าจะทำให้มูลค่าการค้าชายแดนด่านแม่สอด-เมียวดี จากเดิม ปีละประมาณ 70,000- 80,000 ล้านบาท ทะลุนับ 100,000 ล้านบาท ในอนาคต
ภาพ-ข่าว/ไพฑูรย์ สุขแว่น