จังหวัดตาก พิธีวางพานพุ่มดอกไม้ถวายราชสักการะเนื่องในวันกองทัพไทย วันยุทธหัตถี และวันสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 18 มกราคม 2562 นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก เป็นประธานพิธีวางพานพุ่มดอกไม้ถวายราชสักการะ เนื่องในวันกองทัพไทย วันยุทธหัตถี และวันสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ที่บริเวณศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เทศบาลนครแม่สอด อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก พร้อมด้วยเหล่าข้าราชการพลเรือน ตุลาการ อัยการ ทหาร ตำรวจ ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เหล่ากาชาดจังหวัดและภาคเอกชน เข้าร่วมพิธีและวางพานพุ่มดอกไม้เพื่อถวายราชสักการะและกล่าวราชสดุดี
เพื่อเป็นการสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ที่ทรงกอบกู้เอกราชของชาติไทย และทรงสถาปนาความเข้มแข็งมั่นคงแก่ประเทศไทยมาตั้งแต่อดีตกาล อันนำมาซึ่งความสงบสุขและเกียรติภูมิของราชอาณาจักรไทย ตราบจนกาลปัจจุบัน
ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2548 กำหนดให้วันสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเป็นวันรัฐพิธีและให้วันที่ 18 มกราคมของทุกปีเป็นวันยุทธหัตถี และที่สำคัญการทำยุทธหัตถีของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ณ อนุสรณ์ดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นพระวีรกรรมครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ชาติไทย จนกลายเป็นภาพลักษณ์ของความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวของชาวไทย ที่มีความสมัครสมานสามัคคี เสียสละต่อสู้เพื่อรักษาเอกราชของชาติ ให้คนรุ่นหลังได้รำลึกตราบเท่าทุกวันนี้
สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงเป็นพระมหากษัตริย์ไทยลำดับที่ 18 แห่งราชอาณาจักรศรีอยุธยา เสด็จพระราชสมภพที่เมืองพิษณุโลก เมื่อปีเถาะ พ.ศ. 2098 ทรงมีสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชเจ้า ซึ่งเป็นพระเจ้าแผ่นดินราชวงศ์สุโขทัยองค์แรกที่ครองกรุงศรีอยุธยาเป็นพระ บิดา และมีพระวิสุทธิกษัตรี ผู้เป็นพระราชธิดาของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ และพระสุริโยทัยวีรกษัตรีย์ของไทยเป็นพระมารดา จึงอาจกล่าวได้ว่าสมเด็จพระนเรศวรทรงได้รับพระสายโลหิตความเก่งกล้าสามารถ สืบเนื่องมาจากพ่อขุนรามคำแหงมหาราชทางพระชนก และเลือดพระสุริโยทัยซึ่งเป็นสมเด็จพระอัยยิกา(ยาย)ทางพระมารดา ทรง มีพระสุพรรณกัลยา เป็นพระพี่นาง และมีพระเอกาทศรถเป็นพระอนุชา
เนื่องจากตลอดระยะเวลาที่เสด็จขึ้นครองราชย์ 15 ปี ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2133 จนเสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2148 ทรงอุทิศเวลาเกือบตลอดรัชสมัยให้กับการศึกสงครามทรงไม่มีพระมเหสีและพระราชโอรสธิดา ในหนังสือ 400 ปีสมเด็จพระนเรศวร ที่เรียบเรียงโดยนายสมชาย พุ่มสอาด นายสมพงษ์ เกรียงไกรเพชร และนายกมล วิชิตสรศาสตร์ ได้ เขียนไว้ว่า ทรงเป็นกษัตริย์ที่รอบรู้ศิลปศาสตร์ ถึง 18 อย่าง อันเป็นวิทยาการสำคัญสำหรับขัตติยราชในโบราณอย่างยอดเยี่ยม เช่น ทรงรอบรู้ในยุทธวิธีและยุทธศาสตร์ หลักและวิธีปฏิบัติเพื่อปกครองใจคน อันเป็นหลักการเดียวกับปัจจุบัน และยังทรงรอบรู้อรรถภาษิต โวหาร รู้แต่งและฟังฉันท์ ทรงรู้ฤกษ์ยาม และวิธีโคจรของดาวหรือดาราศาสตร์ ทรงรู้ทิศและพยากรณ์
อีกทั้งทรงรู้มายาเล่ห์เหลี่ยมและเหตุผลต่างๆ ทรงเป็นผู้ริเริ่มการรบแบบกองโจร คือ ใช้คนน้อยแต่สามารถต่อสู้กับคนจำนวนมากได้ พระองค์มีความสามารถในการใช้อาวุธที่ทำการรบแทบทุกชนิดอย่างเชี่ยวชาญยากจะ หาผู้ใดเสมอเหมือน และอาจกล่าวได้ว่าตลอดพระชนมชีพของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ไม่เคยทรงอยู่อย่างสะดวกสบาย ต้องทรงกระทำการรบมาโดยตลอด แม้นวาระสุดท้ายแห่งพระชนมชีพ พระองค์ก็ยังอยู่ในระหว่างการยกทัพไปตีเมืองอังวะ แต่เกิดประชวรเป็นหัวระลอก (ฝี)ที่พระพักตร์และเป็นพิษจนเสด็จสวรรคตเสียก่อนในปีพ.ศ. 2148 รวมสิริพระชนมายุได้ 50 พรรษา ทรงครองราชย์เป็นระยะเวลา 15 ปี
ภาพ-ข่าว/ไพฑูรย์ สุขแว่น