รองผู้ว่าฯ อุตรดิตถ์ เรียกประชุมด่วน “พระเสพเมถุน” ชี้ผิดขั้น “ปาราชิก”
ผู้สื่อข่าวรายงานกรณี น.ส.ชุติกา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 29 ปี ชาว ต.แม่พริก อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย น้องสาวต่างมารดาของอดีตพระสงฆ์รูปหนึ่ง เจ้าของสำนักปฏิบัติธรรมแห่งหนึ่งในพื้นที่ อำเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์ ออกมาแฉพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของอดีตพระสงฆ์ซึ่งมีศักดิ์เป็นพี่ชายสายเลือดเดียวกันที่มีพ่อคนเดียวกัน แต่ต่างมารดา ด้วยการเสพเมถุนกับตัวเอง ตั้งแต่ปี 2559 และพระพี่ชายได้ทำการลาสิกขาไปแล้วนั้น
วันที่ 15 สิงหาคม 2562
ผู้สื่อข่าวรายงานข่าวความคืบหน้าว่า ที่ห้องประชุมตรอนตรีสินธ์ ชั้น 5 ศาลาลกลาง จังหวัดอุตรดิตถ์ นายพิภัช ประจันเขตต์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ ในฐานะผู้รับผิดชอบงานสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดอุตรดิตถ์ ได้เชิญนายธาตรี บุญมาก นายอำเภอเมืองอุตรดิตถ์ พ.ต.อ.ดิษยเดช พัชรภูวดล ผกก.สภ.เมืองอุตรดิตถ์ ผู้แทนสำนักงานพระพุทธศาสนา จังหวัดอุตรดิตถ์ และผู้แทนศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์ เพื่อหารือกรณีดังกล่าว
ซึ่งในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนา จังหวัดอุตรดิตถ์ แจ้งว่า ทราบแล้วว่าเป็นพระชื่ออะไร ประจำอยู่ที่สำนักปฏิบัติธรรมที่ไหน และเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2562 ที่ผ่านมา พระสงฆ์รูปนี้ได้ทำการลาสิกขาแล้วที่วัดอรัญญิการาม ตำบลท่าเสา อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ เหตุจากการเสพเมถุน มีความผิดขั้นร้ายแรง หรือปาราชิก ไม่สามารถกลับมาบวชเป็นพระได้อีกแล้วตลอดชีวิต
นายพิภัช กล่าวว่า กำชับให้นายอำเภอเมืองอุตรดิตถ์ สำนักงานพระพุทธศาสนา จ.อุตรดิตถ์ เร่งดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด เนื่องจากทราบแล้วว่า อดีตพระสงฆ์ดังกล่าวประจำสำนักปฏิบัติธรรมที่ไหน มีมูลนิธิแห่งหนึ่งเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย จึงต้องให้หลายหน่วยงานบูรณาการร่วมกันเพื่อเข้าไปตรวจสอบอย่างรอบคอบ เพราะเป็นเรื่องของกฎหมายที่จะต้องเข้าไปตรวจสอบในพื้นที่ของเอกชน อย่างไรก็ตามหลังจากพระสงฆ์รูปนี้ลาสิกขาไปแล้ว ทางวินัยสงฆ์คงไม่สามารถเอาผิดอะไรได้อีกแล้ว ส่วนเรื่องคดีอาญาจะต้องให้ผู้เสียหายมาแจ้งความร้องทุกข์ แต่เบื้องต้นยังไม่มีการแจ้งความร้องทุกข์แต่อย่างใด จะรายงานเบื้องต้นการตรวจสอบเรื่องนี้ให้กับทางผู้ว่าราชการจังหวัดทราบโดยด่วน
“เจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดอุตรดิตถ์ แจ้งว่า เมื่อพระรูปนี้ทำการลาสิกขา เพราะเหตุมาจากความผิดร้ายแร้งหรือปาราชิก ก็จะส่งประวัติไปยังเจ้าคณะปกครองสงฆ์ทั่วประเทศไทย อีกทั้งนำประวัติส่งไปยังกองทะเบียนอาชญากรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพื่อเก็บประวัติไว้ หากมีการตรวจสอบประวัติบุคคลก่อนอุปสมบทก็สามารถตรวจสอบจากแหล่งนี้ เพื่อไม่ให้อดีตพระสงฆ์รูปนี้กลับมาบวช ไม่ให้ไปทำการสิ่งที่ไม่เหมาะสมและทำลายศาสนาอีกต่อไป อย่างไรก็ตามเรื่องนี้จะเร่งดำเนินการให้เรียบร้อยและแล้วเสร็จโดยเร็ว เพราะอยู่ในความสนใจของประชาชนทั่วประเทศ” นายพิภัช กล่าว
ด้าน น.ส.ชุติกา กล่าวว่า มีลูกศิษย์อดีตของพระพี่ชายหลายคน ต่างโทรศัพท์มาให้กำลังใจ และพร้อมที่จะออกมาแฉถึงพฤติกรรมของพระพี่ชาย บางคนถูกข่มขู่จากเจ้าหน้าที่บ้านเมืองหน่วยงานหนึ่งว่า ไม่ให้ยุ่งกับเรื่องนี้ หากยุ่งจะถูกทำร้ายได้ ยืนยันว่าจะต่อสู้กับเรื่องนี้จนถึงที่สุด แม้วันนี้จะตกอยู่ในอันตรายจากบุคคลในมูลนิธิที่เกี่ยวข้องกับสำนักปฏิบัติธรรมแห่งนี้ หากไม่ต่อสู้คนกลุ่มนี้ก็จะไปสร้างความเสียหายให้กับประชาชนอื่นอีก และขอยืนยันว่า การออกมาต่อสู้ครั้งนี้ไม่ใช่เพราะประโยชน์ แต่ต้องการไม่ให้อดีตพระพี่ชายและมูลนิธิแห่งนี้ ไปใช้ความเลื่อมใสศรัทราของประชาชนหากินอีกต่อไป และไม่ต้องการให้อดีตพระพี่ชายกลับมาบวชเป็นพระอีก เพราะก่อนหน้านี้ทราบมาว่า หากเรื่องนี้เงียบจะกลับมาบวชอีกในพื้นที่ของจังหวัดเชียงใหม่
ปวินท์ อินกล่ำ รายงาน