พิษณุโลก พิธีเปิด “ฝายหลวงบ้านน้ำดำ”

วันที่ 8 สิงหาคม 2562 เวลา 11.00 น. หมู่ที่ 10 บ้านน้ำดำ ตำบลดอนทอง อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก นายชัชพงศ์ เอมะสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก พร้อมด้วย นายเจษฎา ลิ้มศรีตระกูล นายอำเภอเมืองพิษณุโลก หัวหน้าส่วนราชการจังหวัดพิษณุโลก ร่วมเปิดฝ่ายหลวงบ้านน้ำดำ
ด้วยประชาชนในพื้นที่บ้านน้ำดำ หมู่ที่ 10 และบ้านหินลาด หมู่ที่ 14 ตำบลดอนทอง อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก ประสบปัญหาผลกระทบจากภัยธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมที่ประกอบด้วย ปัญหาภัยแล้ง ขาดแคลนน้ำกิน และน้ำใช้ในภาคเกษตรกรรม ปัญหาอุทกภัยที่เกิดน้ำป่าไหลหลากซ้ำซากในช่วงฤดูฝนทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนมาเป็นเวลานาน ภาครัฐและประชาชนจึงได้จัดทำประชุมประชาคมหมู่บ้าน

 

ทั้งนี้ เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว ซึ่งมีมติที่ประชุมเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2562 ให้จัดทำฝายน้ำล้น เนื่องจากประโยชน์มากมายของฝายชะลอน้ำนี้สามารถช่วยแก้ไขปัญหาให้คนในพื้นที่ที่ประสบอยู่ การสร้างฝายชะลอน้ำนี้ได้รับความร่วมแรงร่วมใจจากชาวบ้านจึงเรียกว่า “ฝายหลวงบ้านน้ำดำ” โดยการจัดทำฝายได้ใช้แนวทางตามหลัก CSR คือ ความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมขององค์กร

ซึ่งคือการดำเนินกิจการภายใต้หลักจริยธรรม และการจัดการที่ดี โดยรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมทั้งในระดับไกลและใกล้ อันนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน โดยมีการบูรณาการร่วมกันจัดทำบันทึกข้อตกลงและได้กำหนดวัตถุประสงค์ในการสร้างฝาย เพื่อกักเก็บรักษาน้ำไว้ใช้ทั้งบริโภค การเกษตรของชุมชน และเป็นพื้นที่รับน้ำสร้างความชุ่มชื้นให้กับผืนดินผืนป่าบริเวณโดยรอบ และเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำนานาชนิด

ทั้งนี้ เพื่อป้องกันและช่วยในการดับไฟเมื่อเกิดไฟป่าในหน้าแล้ง เพื่อปลุกจิตสำนึกที่ดีในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้กับประชาชนและเยาวชนของชาติ รวมถึงใช้เป็นแหล่งท่องเที่ยว พักผ่อน หย่อนใจ เพื่อบูรณาการการทำงานร่วมกันของทุกภาคส่วน ในการสร้างฝาย
ชะลอน้ำ สร้างความตระหนักในการดำเนินงานด้านการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม(CSR)

ฝายหลวงบ้านน้ำดำ ได้เริ่มสำรวจพื้นที่และดำเนินการสร้างมาตั้งแต่เดือนมกราคม 2562 โดยโครงสร้างใช้วัสดุจากธรรมชาติ ดิน หิน ทราย ปูน และ
ไม้ไผ่ที่ได้รับการบริจาคจากชาวบ้านในพื้นที่ตำบลดอนทองจำนวน 1,100 ลำ ขนาดของสันฝายบนกว้าง 4 เมตร สันฝายล่างกว้าง 12 เมตร ยาว
40 เมตร สูง 8 เมตร ปริมาตรการกักเก็บน้ำประมาณ 30,000 ลูกบาศก์เมตร ใช้งบประมาณไปทั้งสิ้น 400,000 บาท ในการจัดงานครั้งนี้ ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากภาครัฐ ภาคเอกชน ประชาชน