พิษณุโลก ศาลปกครองยกคำฟ้อง”ศรีสุวรรณ จรรยา” เบรคสร้างถนนตัดผ่านสวนเฉลิมพระเกียรติฯ สามแยกเรือนแพ


วันที่ 7 สิงหาคม 62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระแสข่าวโซเซียลแพร่สะพัดถึงอ้างคำสั่งศาลปกครองพิษณุโลก ตัดสินว่า จำหน่ายคดี กรณี เมื่อวันที่12 มีนาคม 2562 นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน และชาวพิษณุโลก จำนวน13 คน ที่ยื่นฟ้องผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก นายกเทศมนตรีนครพิษณุโลก โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดพิษณุโลก ฐานเป็นเจ้าหน้าที่รัฐใช้อำนาจโดยมิชอบด้วยกฎหมาย และละเลยการปฏิบัติหน้าที่ ตาม ม.9 (1)(2) แห่ง พ.ร.บ.จัดตั้งและวิธีพิจารณาคดีปกครอง 2542

โดยผู้ฟ้อง อ้างถึงการใช้อำนาจโดยมิชอบด้วยกฎหมาย เอาที่ดินสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา บริเวณสามแยกเรือนแพ เขตเทศบาลนครพิษณุโลก ไปเป็นส่วนหนึ่งของโครงการจัดรูปที่ดินหนองตาเหี่ยม เนื่องจากผู้ที่ชื่นชอบสุขภาพได้ใช้ประโยชน์ในการออกกำลังกาย กำหนดให้มีถนนผ่าสวนเฉลิมพระเกียรติ เอื้อประโยชน์ให้กับโครงการจัดรูปที่ดินตาบอดที่มีกลุ่มทุนไปกว้านซื้อและเอื้อโรงแรมแห่งหนึ่ง และไม่มีการเปิดเวทีสาธารณะรับฟังเสียงของประชาชน ขอให้ศาลมีคำสั่งหรือคำพิพากษาสั่งเพิกถอนการถนนตัดผ่าสวน

ส่วนผู้เห็นด้วยกับความเจริญของพิษณุโลก ระบุว่า โครงการก่อสร้างถนน ฉ.1 ตามผังเมืองรวมจังหวัดพิษณุโลก เพื่อระบายรถจากกลางเมือง บริเวณสามแยกเรือนแพ(บิ๊กซี-ถนนสาย 12) สู่ถนนเลี่ยงเมือง ตอนเหนือ ซึ่งต้องตัดผ่านสวนเฉลิมพระเกียรติฯ แนวคิดการก่อสร้างถนนสายนี้ ริเริ่มตั้งแต่ปี 2558 สมัยอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก อดีตโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดพิษณุโลก ในขณะนั้น จัดทำแผนโครงการตัดถนนระยะทางยาวประมาณ 5 กิโลเมตร วางแนวตัดตรง ทิศเหนือจากถนนเลี่ยงเมืองพิษณุโลก(ใกล้ที่ทำการไปรษณีย์พิษณุโลก) มายังสามแยกเรือนแพ เชื่อมกับทางหลวงหมายเลข 12

โดยผ่านที่ดินตราครุฑแดง หรือโฉนด ที่ถูกประทับตราว่า เขตจัดรูปที่ดิน นั่นหมายความว่า เจ้าของที่ดินจะทำการใดๆ ต้องได้รับความเห็นชอบจากผู้ว่าฯเสียก่อน รองรับการพัฒนาเศรษฐกิจและการลงทุนในพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก แต่ทันทีที่โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดพิษณุโลก นำเสนอโครงการต่อผู้ว่าฯ กลุ่มนายทุนและเครือข่าย ตลอดผู้บริหาร องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.)ทั้งใหญ่-เล็ก กว้านซื้อที่ดินต่อจากชาวบ้าน

ต่อมาศาลปกครองพิษณุโลก ประทับตรา ลงวันที่ 31 กรกฎาคม 2562 ตุลาการได้มีคำพิพากษา ตอนท้ายหน้า 20 และ 21 ว่า ศาลจึงเห็นว่า แม้ว่า การดำเนินการก่อสร้างถนน สาย ฉ1 อาจรุกล้ำเข้าไป ในพื้นที่ของสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติฯ แต่การรุกล้ำพื้นที่ดังกล่าว ก็เป็นสภาพที่เกิดขึ้นเพียงชั่วคราว ส่วนผลกระทบที่เกิดขึ้นแก่สวนสาธารณะฯจากการดำเนินการก่อสร้างถนนสาย ฉ.1 นั้น เป็นผลที่เกิดขึ้นได้จากการก่อสร้างถนนโดยปกติ ซึ่งสามารถเยียวยาหรือแก้ไขให้ความเสียหายที่เกิดขึ้นกลับฟื้นคืนมา ให้ใกล้เคียงกับสภาพเดิมได้

กรณีจึงยังรับฟังไม่ได้ว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการดำเนินงานข้างต้น ได้ก่อให้เกิดความเสียหายแก่พื้นที่สาธารณะเฉลิมพระเกียรติฯมากจนเกินสมควร

นอกจากนี้ แม้ว่า ประกาศคณะกรรมการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ส่วนจังหวัดพิษณุโลก เรื่อง การให้ความเห็นชอบโครงการจัดรูปที่ดิน เพื่อพัฒนาพื้นที่ บริเวณหนองตาเหี่ยม จังหวัดพิษณุโลก ลงวันที่ 27 พฤศจิกายน 2558 จะกำหนดให้ พื้นที่สวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติฯ ทั้งส่วนที่เป็นที่ราชพัสดุและที่สาธารณประโยชน์ไปเป็นส่วนหนึ่งของโครงการจัดรูปที่ดินดังกล่าวก็ตาม

แต่เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ขณะที่ ผู้ฟ้องคดีทั้งสิบสามนำคดีมาฟ้องต่อศาล ยังไม่ปรากฏว่า ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสามได้ดำเนินการ จัดรูปที่ดินตามประกาศฉบับดังกล่าว เข้าไปในพื้นที่ของสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติฯอันก่อให้เกิดผลกระทบที่เกิดขึ้นกับสวนสาธารณะดังกล่าวอย่างชัดแจ้ง

เพราะฉะนั้น ศาลจึงเห็นว่า เหตุแห่งการฟ้องคดีที่ผู้ฟ้องคดีทั้งสิบสามคน กล่าวอ้างมาในคำฟ้อง ยังไม่ใกล้ชิดเพียงพอที่จะรับฟังได้ว่า ผู้ฟ้องคดีทั้งสิบสามกล่าวอ้างได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายหรืออาจจะเดือดร้อนหรือเสียหายจากการกระทำหรือการงดเว้นการกระทำของผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสาม ผู้ฟ้งคดีทั้งสิบสามจึงยังไม่ใช่ผู้ที่มีสิทธินำคดีมาฟ้องต่อศาล ตามนัย มาตรา 42 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542

อย่างไรก็ตาม หากในอนาคตผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสามหรือหน่วยงาน ทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐรายอื่นมีการดำเนินการตาม ประกาศที่พิพาทอันเกิดผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมของสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติฯ หรือ สิทธิในการใช้ประโยชน์จากสวนสาธารณะดังกล่าวของผู้ฟ้องคดีทั้งสิบสามและประชาชนอย่างชัดแจ้งแล้ว ผู้ฟ้องคดี ทั้งสิบสามหรือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน หรือเสียหายจากการดำเนินการดังกล่าวก็สามารถนำคดีมาฟ้องต่อศาลได้ในภายหลัง

ด้วยเหตุดังกล่าวจึงมีคำสั่ง ไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณาและจำหน่ายคดีออกจากสารบบความ และเมื่อศาลมีคำสั่ง ไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณาแล้ว จึงไม่จำต้องมีคำสั่งเกี่ยวกับคำขอให้ศาลกำหนดมาตรการหรือวิธีการคุ้มครองเพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนพิพากษา ตามคำขอของผู้ฟ้องคดีทั้งสิบสามอีกต่อไป

แหล่งข่าววงการค้าที่ดิน กล่าวว่า ราคาที่ดินในเขตจัดรูปแถบถนน ฉ.1 หลังสวนเฉลิมพระเกียรติฯ ราคายังเหมือนเดิม นิ่ง สาเหตุนักลงทุนไม่มีเงินซื้อ แปลงเด่นๆ ก็ขายไม่ค่อยออก เนื่องจากรอถนนก่อสร้างแล้วเสร็จ ส่วนนักลงทุนที่ถือที่ดินแปลงสวยๆไว้ อาจเรียกว่า ซื้อที่ดินเก็บมานาน ก็ยังไม่ขาย เนื่องจากจะรอขายให้ได้ราคาดีๆ รอถนนเสร็จจะดีกว่า

นายนรินทร์ กวางทอง โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดพิษณุโลก กล่าวว่า หลังศาลปกครองมีมติ เตรียมประสานหน่วยงานต่างๆ เพื่อจะสอบถามความคิดเห็น ผลกระทบงานก่อสร้างทำถนน ฉ.1 โดยเฉพาะบริเวณสวนฯ อาจทำประชาคมครั้งใหญ่ เชิญคนพิษณุโลกและรอบๆสวนฯ ว่า จะให้โยธาฯทำอย่างไรบ้างกับสวนฯ ยินดีออกแบบสวนสาธารณะให้ใหม่ รับรองไม่สูญเสียพื้นที่ออกกำลังกาย

ถนนใหม่กว้าง 30 เมตรรวมทางเท้า เหลือเส้นทางสัญจรประมาณ 20 เมตร โดยกรมโยธาธิการจะไปดูมาสเตอร์แปลนอีกครั้ง มั่นใจว่า จะไม่กระทบผู้ที่ออกกำลังกาย สระน้ำ วงเวียนอาจคงอยู่ รวมทั้งป้ายเฉลิมพระเกียรติขนาดใหญ่ริมถนนมิตรภาพ

รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านี้มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางว่า ที่ดินบริเวณดังกล่าว มีข้าราชการระดับสูง นักการเมืองท้องถิ่น เข้าไปกว้านซื้อที่ดินตาบอดไว้จำนวนหลาย 100 ไร่ เพื่อนำไปจัดสรร และต้องการตัดถนนเชื่อมกับทางหลวงหมายเลข 12 บริเวณสามแยกเรือนแพ โดยต้องตัดผ่านที่ดินสวนเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา