ตำรวจภูธรภาค 6 รวบ 2 ผัวเมีย แก๊งหลอก”ตุ๋นเงิน” เข้ารับราชการ หลายจังหวัด
เจ้าหน้าที่กองบังคับการตำรวจสืบสวนภูธรภาค 6 แถลงผลสามารถจับกุม 2 สามีภรรยา แก๊งหลอกเข้ารับราชการ มูลค่าความเสียหายกว่า 700,000 บาท ทางเจ้าหน้าที่เตือนระวังภัยเนื่องจากพบมีการหลอกหลวงในหลายรูปแบบ
วันที่ 26 มิถุนายน 2562 ที่ กองบังคับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 6 พล.ต.ต.ปริญญา วิศิษฐฎากุล ผบก.สส.ภ.6 พร้อมด้วย พ.ต.อ. สราวุธ คนใหญ่ รอง ผบก.สส.ภาค 6 และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ภาค 6 ร่วมแถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาคดีหลอกลวงฉ้อโกงทรัพย์ผ่านเฟชบุ๊ค จนมีผู้เสียหายสูญเงินเป็นจำนวนมาก
โดยเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน ที่ผ่านมา น.ส.พัชรินทร์ อินทร์สวน อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 369 หมู่ 2 ต.บึงพระ อ.เมืองพิษณุโลก ได้แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองพิษณุโลกว่า มีคนร้ายใช้ชื่อ Facebook ว่า บีเอ็ม บีเอ็ม (สู้เพื่ออนาคตที่ดีกว่า) ติดต่อมายัง Facebook ของผู้เสียหาย แล้วแชทข้อความพูดคุยชักชวนผู้เสียหายว่า สามารถฝากเข้าทำงานสังกัดกรมการปกครอง โดยจะได้บรรจุเป็นข้าราชการและทำงานที่ศาลากลางจังหวัดพิษณุโลกได้ทันที แต่มีค่าใช้จ่ายในการฝากเข้าทำงานเป็นเงินกว่า 38,500 บาท
ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินให้คนร้ายดังกล่าว เข้าบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์พร้อมเพย์ 098-225 0697 ชื่อบัญชี นางสาววิลัยวรรณ์ ดีสังข์ แต่หลังจากโอนเงินให้คนร้ายแล้วก็ไม่สามารถติดต่อได้
ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนภูธรภาค 6 สืบทราบว่า เบอร์โทรศัพท์ พร้อมเพย์ 089 225 06 97 ผูกกับบัญชี Facebook ชื่อ “ Kru Lack’er ” เมื่อเปรียบเทียบภาพใบหน้าเจ้าของ Facebook ตรงกับภาพใบหน้าของนางสาววิลัยวรรณ์ จึงเชื่อว่าเป็นบุคคลเดียวกัน
จากนั้นได้ทำการตรวจสอบบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์พร้อมเพย์ 098 225 0697 ชื่อบัญชีนางสาววิลัยวรรณ์ ดีสังข์ พบว่ามีข้อมูลยอดเงินที่ผู้เสียหายโอนเข้าบัญชีธนาคารดังกล่าวและมีการกดถอนเงินออกจากบัญชีที่ตู้ ATM สาขา ปตท. มิตรภาพ ขอนแก่น เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน เวลา 9:00 น และจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบคนร้ายเป็นผู้ชายลักษณะคล้ายกับแฟนของนางสาววิลัยวรรณ์ ทราบภายหลัง คือ นายทรงวุฒิ หมื่นรัฐ ได้กดถอนเงินออกจากบัญชีที่ตู้ ATM สาขาห้างโลตัส ขอนแก่นในวันเดียวกัน
ตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่าคนร้ายขับรถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้า แอคคอร์ด สีน้ำตาลหมาย เลขทะเบียน 1 กข 1126 กรุงเทพมหานคร มาจอดภายในห้าง หลังจากนั้น มีนางสาววิลัยวรรณ์ เดินเข้ามาภายในห้างกดถอนเงินออกจากตู้ ATM
เจ้าหน้าที่ตำรวจ จากกองบังคับการสืบสวนสอบสวนภูธรภาค 6 ได้เดินทางไปประสานข้อมูลกับกองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 4 จังหวัดขอนแก่น กระทั่งทราบว่าคนร้ายที่ก่อเหตุในคดีนี้ เป็นคนเดียวกันกับที่ก่อเหตุในพื้นที่ จ.ขอนแก่น ทราบชื่อ คือนายทรงวุฒิ หมื่นรัตน์ และน.ส.วิลัยวรรณ์ ดีสงข์ สองสามีภรรยา ที่ได้หลอกลวงผู้เสียหายในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น และเคยก่อคดีหลอกลวงเฟชบุ๊ค มาตั้งแต่ปี 2557 ว่าสามารถฝากเข้าทำงานการไฟฟ้าได้ 10 กว่ารายที่เป็นผู้เสียหาย ถูกดำเนินคดีไปแล้ว 1 ครั้ง และยังกลับออกมาได้ก่อนเหตุซ้ำอีกในหลายพื้นที่
ซึ่งทางสถานีตำรวจภูธรเมืองขอนแก่น ได้ออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยการแสดงตนเป็นบุคคลอื่นนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน
ต่อมาในวันที่ 25 มิถุนายน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนภาค 6 และตำรวจสืบสวนภาค 4 ได้ร่วมกันจับกุมนายทรงวุฒิ หมื่นรัตน์ และ น.ส.วิลัยวรรณ์ ดีสังข์ อยู่บ้านเลขที่ 181 หมู่ 2 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.เลย ได้ที่หอพักแห่งหนึ่ง ใน อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น พร้อมโทรศัพท์มือถือที่ใช้เข้า Facebook ชื่อ บีเอ็ม บีเอ็ม (สู้เพื่ออนาคตที่ดีกว่า) และรถเก๋งคันหมายเลขทะเบียน 1 กข 1126 กรุงเทพ ที่ใช้ขับขี่ไปกดถอนเงินของผู้เสียหายออกจากบัญชีนางสาววิลัยวรรณ์ โดยขณะนี้ผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ถูกดำเนินคดีอยู่ที่ขอนแก่น ซึ่งมีผู้เสียหายที่ถูกหลอกให้โอนเงินไปให้แล้วกว่า 700,000 บาท
ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการสืบสวนสอบสวนภูธรภาค 6 ขอประชาสัมพันธ์ให้ผู้เสียหายในพื้นที่จังหวัดพิษณุโลกที่เคยถูกผู้ต้องหาทั้งสองหลอกลวงในลักษณะดังกล่าวมาแจ้งความร้องทุกข์ ซึ่งพบว่ามีผู้เสียหายไม่ต่ำกว่า 10 ราย ที่ถูกหลอกลวงในพื้นที่พิษณุโลก ขอให้มาแจ้งความเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย แม้ว่าจะเป็นเงินเพียง 2,000-3,000 พันบาทก็ตาม แต่ผู้เสียหายหลายราย ทำให้เป็นเงินจำนวนมากเช่นกัน ซึ่งจะดำเนินคดีในหลายข้อหาเพิ่มมากขึ้น ซึ่งสามารถมาแจ้งความ ที่กองบังคับตำรวจสืบสวนภาค 6 ได้ตลอดเวลา