ป.ป.ช.ตีตกข้อกล่าวหา นายก อบจ. เพชรบูรณ์ ขรก.ชักแถวผิด 30 คน ปกปิดข่าวประกวดราคา
นายสุพจน์ ศรีงามเมือง รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภาค 6 ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช.ภาค 6 แถลงผลการดำเนินงานของ ป.ป.ช. ภาค 6 และสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดในเขตพื้นที่ กรณีกล่าวหา นายอัครเดช ทองใจสด เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์ กับพวก ร่วมกันปกปิดข่าวสารการประกวดราคา และสมยอมราคาการประกวดราคาจ้างเหมาก่อสร้างขององค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์ ปีงบประมาณ 2553 จำนวน 5 โครงการ โดยในการดำเนินการประกาศจัดซื้อจัดจ้างด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ทั้ง 5 โครงการ องค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์ ไม่ได้มีการลงประกาศเชิญชวนเผยแพร่ในเว็บไซต์ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์ และเว็บไซต์ของกรมบัญชีกลาง (www.gprocurement.go.th)
อีกทั้ง มีการปลอมเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการในโครงการ ทั้ง 5 โครงการ จึงเป็นการไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามหนังสือกระทรวงมหาดไทย ที่ มท 0808.2/ว690 เรื่อง ซักซ้อมการจัดซื้อจัดจ้างโดยการประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ลงวันที่ 7 มีนาคม 2548 และประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง หลักเกณฑ์การซื้อและการจ้างโดยการประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ลงวันที่ 13 มกราคม 2548 โดยการปกปิดข่าวการประกาศเชิญชวนในการดำเนินการจัดจ้างทั้ง 5 โครงการดังกล่าว มีเจตนาเพื่อมิให้ได้ผู้รับจ้างรายอื่นนอกเหนือจากผู้รับจ้างที่ได้มีการกำหนดไว้ และเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับผู้รับจ้างที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์ กำหนดไว้ให้เป็นผู้มีสิทธิเข้าทำสัญญากับองค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติ ดังนี้
(1) การกระทำของ นายอัครเดช ทองใจสด ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 จากการไต่สวน ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่จะฟังได้ว่า ได้กระทำความผิดตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป
(2) การกระทำของ นางปิยนันท์ เฉลิมภาค ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 นางรัตนา ศรีวรอรรถานน
ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 นางณัฐวรรณ ธรรมราช ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 นายลิขิต สิงหนาท ผู้ถูกกล่าวหาที่ 5 นางนวรัตน์ แสนนอก ผู้ถูกกล่าวหาที่ 6 นางอมรรัตน์ ผดุงนึก ผู้ถูกกล่าวหาที่ 10 นางสาวกัญญาวีร์ แซมสีม่วง ผู้ถูกกล่าวหาที่ 11 นายประสิทธิ์ มาอ่อน ผู้ถูกกล่าวหาที่ 12 นางวิไลพร ชะนะภักดิ์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 13 นางสมคิด แก้วนิมิต ผู้ถูกกล่าวหาที่ 15 นางวัชรีพร ทองเนื้อแปด ผู้ถูกกล่าวหาที่ 17 นางศิริพร นกแก้ว ผู้ถูกกล่าวหาที่ 18 นางชมพูนุท ฝั้นคำสาย
ผู้ถูกกล่าวหาที่ 19 นางกมลวรรณ นามวงษ์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 21 และนายยุทธชัย คำตัด ผู้ถูกกล่าวหาที่ 22
มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมาตรา 161 พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 10 และมาตรา 12 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ตามประกาศคณะกรรมการข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์ เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการสอบสวน การลงโทษทางวินัย การให้ออกจากราชการ การอุทธรณ์ และการร้องทุกข์ ลงวันที่ 26 ธันวาคม 2544 ข้อ 3 วรรคสาม และข้อ 6 วรรคสอง
(3) การกระทำของ นางสาวณัฏฐ์ปวีร์ อนุวงศ์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 7 นายวิชัย ผดุงนึก ผู้ถูกกล่าวหาที่ 8 นายพงศ์พล แสนนอก ผู้ถูกกล่าวหาที่ 9 มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 10 มาตรา 12
และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ตามประกาศคณะกรรมการข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์ เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการสอบสวน การลงโทษทางวินัย การให้ออกจากราชการ การอุทธรณ์ และการร้องทุกข์ ลงวันที่ 26 ธันวาคม 2544 ข้อ 3 วรรคสาม และข้อ 6 วรรคสอง
(4) การกระทำของ นายสงัด ปิ่นปกรณ์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 23 นายสกลรัตน์ ขจรไพบูลย์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 24 นายศิริชัย สุริยาวงษ์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 25 นางสาวกัลยา ครองสิน ผู้ถูกกล่าวหาที่ 26 นายศักดิ์ชัย กลมกล่อม ผู้ถูกกล่าวหาที่ 27 นายวีรพงษ์ ดำพิชิต ผู้ถูกกล่าวหาที่ 28 นางสาวณัฏฐ์จีรา ทัศนศิริ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 29 นางสาวเบญจวรรณ อินทรานุกูล ผู้ถูกกล่าวหาที่ 30 นายศราวุธ มีคะชา ผู้ถูกกล่าวหาที่ 31 และนายธงชัย เอกอมรวุฒิชัย ผู้ถูกกล่าวหาที่ 32 มีมูลความผิดทางอาญา ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 12 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86
(5) การกระทำของ นายสุเทพ กันแต่ง ผู้ถูกกล่าวหาที่ 15 จากการไต่สวน ปรากฏว่า เป็นผู้ป่วยติดเตียง ไม่สามารถต่อสู้คดีได้ เพื่อประโยชน์แห่งความเป็นธรรม ให้งดการไต่สวนและจำหน่ายคดีไว้เป็นการชั่วคราวจนกว่าจะสามารถต่อสู้คดีได้
(6) การกระทำของ นางสุนีรัตน์ ปุจฉาธรรม ผู้ถูกกล่าวหาที่ 16 และนายไชยวัฒน์ จันละมุด
ผู้ถูกกล่าวหาที่ 20 ข้อเท็จจริงปรากฏว่า ได้ถึงแก่ความตายแล้ว สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไป ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (1) และคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไม่มีอำนาจดำเนินการไต่สวน เพื่อดำเนินคดีอาญา หรือดำเนินการทางวินัยต่อไปได้ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 57 ให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบ