พิษณุโลก สืบสวน 6 จับกุมเครือข่าย”หลอกลงทุนเทรดทองคำ”ความเสียหายกว่า 18 ล้าน จับได้ 10 คน หลบหนีได้ 1 คน

วันที่ 25 มิ.ย.68 พลตำรวจโท กิติศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 สั่งการให้กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 6,ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ตำรวจภูธรภาค 6 ร่วมจับกุมเครือข่ายหลอกลงทุนการเทรดหุ้นเทรดทอง ความเสียหายมูลค่า 18 ล้านบาท ในพื้นที่ สภ.เมืองกำแพงเพชร

โดย พล.ต.ต.เดชพล เปรมศิริ ผบก.สส.ภ.6 ,พ.ต.อ.สุทธิเวท บุญยรัตนกลิน รอง ผบก.สส.ภ.6 ,พ.ต.อ.ฤทธินันท์ ปุ้ยพันธวงศ์ รรท รอง ผบก.สส.ภ.6 พ.ต.อ.ธัชพงศ์ วงศ์พัฒนานิวาศ รอง ผบก.สส.ภ.6 พ.ต.อ.ทวีศักดิ์ ถาบุญชู ผกก.สืบสวน 2 บก.สส.ภ.6, พ.ต.อ.วรเชษฐ์ พลขัน ผกก.ปพ.บก.สส.ภ.6 สามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ รวม 11 ราย

จับกุมแล้ว 10 คน คงเหลือ 1 คน ดังนี้
1.นายต่อฯ ม.1 ต.เชียงหวาง อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี ทำหน้าที่บัญชีม้า+ม้าถอนเงิน จับกุมที่ จ.อุดรธานี เมื่อ 23 มิ.ย.2568
2.นายสมฯ ต.คลองสอง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ทำหน้าที่บัญชีม้า+ม้าถอนเงิน จับกุมที่ จ.ปทุมธานี เมื่อ 24 มิ.ย.2568
3.นายฉัตรฯ ต.คลองหก อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ทำหน้าที่บัญชีม้า+ม้าถอนเงิน จับกุมที่ จ.ปทุมธานี เมื่อ 24 มิ.ย.2568
4.น.ส.อริสฯ ต.แม่ลาน อ.ลี้ จ.ลำพูน ทำหน้าที่บัญชีม้า+ม้าถอนเงิน จับกุมที่ จ.ลำพูน เมื่อ 24 มิ.ย.2568
5.นายกรฯ ต.ป่าตุ้ม อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ทำหน้าที่บัญชีม้า+ม้าถอนเงิน จับกุมที่ จ.เชียงราย เมื่อ 24 มิ.ย.2568
6.นายแสนฯ ม.6 ต.บ้านโพธิ์ อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย ทำหน้าที่ผู้รวบรวมเงิน จับกุมที่ จ.สมุทรปราการ เมื่อ 23 มิ.ย.2568
7.นายธนฯ ม.9 ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ทำหน้าที่รวบรวมเงิน จับกุมที่ จ.ปทุมธานี เมื่อ 24 มิ.ย.2568
8.นายมณฯ ซอยสุขุมวิท 69 พระโขนงเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร ทำหน้าที่ Boss รวบรวมเงิน จับกุมที่ด่านห้วยไร่ จ.แพร่ เมื่อ 23 มิ.ย.2568
9.นายพรฯ ถ.นวมินทร์ คลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กรุงเทพมหานคร ทำหน้าที่ ผู้จัดการการเงิน (อยู่ระหว่างจับกุม )
10.นายสมฯ ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ทำหน้าที่ผู้คุมบัญชีม้า พาไปถอนเงิน จับได้แล้ววันนี้ 25 มิ.ย.68 ที่ จ.ชลบุรี
11.น.ส.สโรฯ ม.12 ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ทำหน้าที่ผู้คุมบัญชีม้า พาไปถอนเงิน ตรวจยึดของกลาง และทรัพย์สินตาม พรบ.ฟอกเงินฯ จับแล้ววันนี้ 25 มิ.ย.68 ที่ จ.ชลบุรี


1.โทรศัพท์มือถือ จำนวน 10 เครื่อง 2.สมุดบัญชีกสิกรไทย 3 ฉบับ 3.บัตรATM ธนาคารกสิกรไทย 1 แผ่น 4.สมุดบัญชีธนาคารทหารไทยธนชาติ 1 ฉบับ 5.สมุดบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ 1 ฉบับ 6.สมุดบัญชีธนาคารกรุงเทพ 1 ฉบับ 7.สลิปเงินฝากธนาคารไทยพาณิชย์ 8.เงินสดรัฐบาลไทย จำนวน 132,040 บาท 9.ธนบัตรจีน 1 หยวน 4 ฉบับ รวม 4หยวน // 100 หยวน 122 ฉบับ รวม 12,200 หยวน // 5 หยวน 1 ฉบับ
10.รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ yaris สีขาว ทะเบียน 8 กษ 8624 กทม.จำนวน 1 คัน 11.รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ mazda สีขาว ทะเบียน 8 กน 1010 กทม. จำนวน 1 คัน

แจ้งข้อกล่าวหาว่า “ร่วมกันกันฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้องโดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด”

ชุดสืบภาค 6 ระบุ พฤติการณ์แห่งคดีว่า เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2568 พนักงานสอบสวนประจำ สภ.เมืองกำแพงเพชร ได้แจ้งให้ กก.สืบสวน 2 บก.สส.ภ.6 ทราบว่า เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2568 นาง สุธามาศ กฤชภากรณ์ ผู้เสียหาย ได้มาพบพนักงานสอบสวน แจ้งว่า ก่อนเกิดเหตุ ได้มีชายไม่ทราบว่าเป็นผู้ใด โดยใช้บัญชีแอพพลิเคชั่น ติ๊กต๊อก ชื่อ Bank official ได้ขอคุยกับ นางสุธามาศฯทางแอพพลิเคชั่นไลน์ นางสุธามาศฯ ซึ่งใช้บัญชีไลน์ ชื่อว่า Suthamas 555 ได้พูดคุยติดต่อกับผู้ใช้บัญชี ติ๊กต๊อก ชื่อ Bank official นี้ ซึ่งได้ใช้บัญชีผู้ใช้ในแอพพลิเคชั่นไลน์ ชื่อ Bank เข้ามาติดต่อกับนางสุธามาศฯ

จากการพูดคุยกับผู้ใช้แอพพลิเคชั่นไลน์ ชื่อ Bank ได้ชักชวนการ เทรดหุ้นเทรดทอง โดยผู้ใช้แอพพลิเคชั่นไลน์ ชื่อ Bank นี้ ได้ย้ำกับนางสุธามาศฯว่าตลอดระยะเวลา 10 ปีที่เทรดหุ้นและทองมานี้ไม่เคยขาดทุน และมีกำไรมาโดยตลอด และได้หลอกลวงชักชวนให้นางสุธามาศฯ ผู้เสียหายนำเงินไปร่วมลงทุนเทรดทอง อ้างว่าจะได้ค่าตอบแทนอย่างสูง นางสุธามาศฯ จึงยอมลงทุนด้วย

โดยในครั้งแรกๆแสร้งแสดงผลกำไรและสามารถเบิกถอนมาได้จริง จากนั้นเมื่อนางสุธามาศฯเพิ่มการลงทุนได้อ้างเหตุต่างๆให้นางสุธามาศฯโอนเงินให้ นางสุธามาศฯหลงเชื่อ จึงได้โอนเงินไปร่วมลงทุนเป็นเงินรวม 18,838,550 บาท โดยลักษณะการหลอกลวงของผู้ต้องหาเป็นลักษณะการหลอกลวงประชาชน เข้าข่ายความผิดฐาน “ฉ้อโกงประชาชน”

สืบสวนพบว่าเป็นเครือข่ายร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันฟอกเงินหลอกลงทุนการเทรดหุ้นเทรดทอง โดยขบวนการดังกล่าวจะมีการหาบัญชีม้า ซึ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ 1-5 เมื่อมีเงินที่ได้จากการหลอกลวงเข้าบัญชีแล้ว ผู้ต้องหาที่ 9 จะเป็นผู้สั่งการ(โดยรับคำสั่งจาก ผู้ต้องหาที่ 8 อีกที) ให้ผู้ต้องหาที่ 7 แจ้งจุด พิกัดนัดกดเงินแก่ ผู้ต้องหาที่ 10-11 จากนั้นผู้ต้องหาที่ 10-11 จะเดินทางไปยังจุดนัดเพื่อควบคุมผู้ถือบัญชีม้าถอนเงินออกมา เมื่อได้เงินแล้ว ผู้ต้องหาที่ 10-11 ได้ส่งเงินไปรวบรวมไว้ที่ ผู้ต้องหาที่ 6 จากนั้นผู้ต้องหาที่ 6 ก็นำเงินไปมอบให้ผู้ต้องหาที่ 8 และ 9 โดยผู้ต้องหาที่ 9 จะนำเงินไปมอบให้ BOSS ใหญ่นายทุนชาวจีนต่อไป ซึ่งบัญชีม้าถอนเงินจะได้รับค่าจ้าง 1,000-2,000 บาทต่อบัญชี ,คนควบคุมบัญชีม้าไปถอนเงินจะได้รับค่าจ้าง 3,000 บาท ต่อบัญชี ,คนรบรวมเงินจะได้ค่าจ้าง 1% ของยอดเงินที่รวบรวมส่งนายทุน ทั้งนี้จะได้ทำการสืบสวนขยายผลติดตามคนร้ายต่อไป