พิษณุโลก ป่าไม้-ตำรวจสอบสวนกลาง แจ้งความจับ“นายพล”และพวกบุกรุกครอบครองพื้นที่ป่าไม้
โดยให้อดีตผู้ใหญ่บ้านปรับพื้นที่ ที่บ้านแก่งจูงนาง ต.วังนกแอ่น อ.วังทอง ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าลุ่มน้ำวังทองฝั่งซ้าย

วันที่ 20 เม.ย.68 นายสนาม ดาเดช หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ พล.6 (พันชาลี) กรมป่าไม้ ร.ต.ท.อุทัย ไชยศรีสงคราม รอง สว.(ป) กก.บก.ปทส. ตำรวจสอบสวนกลาง CIB ร้องทุกข์กล่าวโทษ ให้ดําเนินคดีกับ 3 บุคคลที่บุกรุกครอบครองพื้นที่ป่าไม้ คดีอาญา 206/68 เมื่อเวลา 21.04 น.ของวันที่ 18 เม.ย.68 ต่อ ร.ต.อ. สมาน พรมประดิษฐ์ รอง สว. (สอบสวน) สภ.วังทอง จว.พิษณุโลก

ฐานความผิด ” พรบ.ป่าไม้ มาตรา 54 ฐาน “ร่วมกัน ก่อสร้าง แผ้วถาง หรือเผาป่า หรือกระทําด้วยประการใด ๆ อันเป็นการทําลายป่า หรือเข้ายึดถือหรือครอบครองป่าเพื่อตนเอง
พรบ.ป่าสงวนแห่งชาติ มาตรา 14 ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ยึดถือครอบครองทําประโยชน์หรือ อยู่อาศัยในที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า ทําไม้ เก็บหาของป่า หรือกระทําด้วยประการใด ๆ อันเป็นการเสื่อมเสีย แก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ
พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ มาตรา 26/4 “ผู้ใดกระทําหรือละเว้นการกระทําด้วยประการใดโดยมิชอบด้วยกฎหมายอันเป็นการทําลายหรือเป็นเหตุ ให้เกิดการทําลายหรือทําให้สูญหายหรือเสียหายแก่ทรัพยากรธรรมชาติในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ผู้นั้นมีหน้าที่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหาย
1.นาย ส อดีตผู้ใหญ่บ้าน ต.วังนกแอ่น อ.วังทอง จ.พิษณุโลก
2.นายพล นอกราชการสังกัดกองทัพบก
3.นาง พ.(นามสมมุติ)

ทั้งนี้ หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ พล.6 (พันชาลี) ได้พานาย นายสุรัตน์ โสดา เป็นผู้นําตรวจพื้นที่ พบร่องรอยการเพิ่งแผ้วถางป่าไผ่ ล้มกระจัดกระจาย เต็มทั่ว จับพิกัด 9-1-60 ไร่ เหตุเกิดที่บริเวณท้องที่บ้านแก่งจูงนาง หมู่ที่ 7 ตําบลวังนกแอ่น อ. วังทอง ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าลุ่มน้ำวังฝั่งซ้าย
นายทรงศักดิ์ กิตติธากรณ์ ผอ.สำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า กรมป่าไม้ ได้สั่งการให้สํานักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 4 สาขาพิษณุโลก ให้ดําเนินคดีโดยเด็ดขาด เนื่องจาก
1. บริเวณตรวจสอบ กล่าวอ้างว่ามีหนังสืออนุญาตให้ได้รับการผ่อนผันสิทธิทํากินชั่วคราว ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ (ครั้งที่ 1) เรียกว่า สทก.1 มีการต่ออายุนั้น กรมป่าไม้ยืนยันว่า ขาดสิทธิ
- พื้นที่ดังกล่าว พบว่าทับซ้อนรูปแปลงที่ได้รับการสํารวจรังวัดตามโครงการจัดการ ทรัพยากรที่ดินและป่าไม้ ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 41 จํานวน 2 แปลง ดังนี้
2.1 แปลงที่ 1 ปรากฏรายชื่อ นายพล เนื้อที่ 14-1-59 ไร่ เป็นผู้ครอบครองพื้นที่
2.2 แปลงที่ 2 ปรากฏรายชื่อ นางพ.(นามสมมุติ) เนื้อที่ 11-0-74 ไร่ เป็นผู้ครอบครองพื้นที่
3 บริเวณตรวจสอบ ไม่อยู่ในพื้นที่ดําเนินโครงการจัดที่ดินให้ชุมชนตามนโยบายที่ดินแห่งชาติ ไม่ปรากฏร่องรอยการ เข้าทําประโยชน์แต่อย่างใด ดังนั้น หากพื้นที่ดังกล่าวมีการบุกรุก ยึดถือ ครอบครอง เห็นควรให้หน่วยป้องกันรักษา ป่าที่ พล.6 (พันชาลี) ดําเนินการตามกฎหมายอย่างเฉียบขาด อีกทั้งตามมติคณะรัฐมนตรี 26 พฤศจิกายน 2561 ให้ผ่อนผันการเข้าทําประโยชน์ในพื้นที่ป่าก่อนปี พ.ศ. 2557 หากเป็นการเข้าทําประโยชน์ในพื้นที่ป่าหลังปี พ.ศ. 2557 ถือบุกรุก