ม.นเรศวร จัดพิธีพระราชทานปริญญาบัตร ผู้สำเร็จการศึกษา ประจำปีการศึกษา 2566
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์พระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยนเรศวร ประจำปีการศึกษา 2566 ระหว่างวันที่ 11 – 12 มีนาคม 2568 ณ หอประชุมมหาราช อาคารองค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช มหาวิทยาลัยนเรศวร อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก โดยในปีการศึกษา 2566 มีผู้สำเร็จการศึกษา จำนวนทั้งสิ้น 5,999 คน
ประกอบด้วยระดับปริญญาเอก
จำนวน 112 คน ระดับปริญญาโท จำนวน 493 คน และระดับปริญญาตรี จำนวน 5,394 คน และสภามหาวิทยาลัยนเรศวรได้มีมติมอบปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์แก่ผู้ทรงคุณวุฒิ 2 ราย ได้แก่
ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร. สมจิต หนุเจริญกุล เข้ารับพระราชทานปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาพยาบาลศาสตร์ และ Mrs. Cynthiakah เข้ารับพระราชทานปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาอาเซียนศึกษา
มหาวิทยาลัยนเรศวรเป็นมหาวิทยาลัยสหสาขาวิชา (Comprehensive University) โดยมีวัตถุประสงค์ให้การศึกษา ส่งเสริมวิชาการและวิชาชีพชั้นสูง ทำการวิจัย รวมทั้งให้บริการวิชาการแก่สังคม และทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม มุ่งกระจายโอกาสและความเสมอภาคทางการศึกษาให้กับประชากรในภูมิภาค ผลิตบัณฑิตและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในสาขาต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับความต้องการของสังคม นำไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชน ตลอดจนการอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน ด้วยเป้าหมายของการเป็นมหาวิทยาลัย เพื่อสังคมของผู้ประกอบการ หรือ University for Entrepreneurial Society ซึ่งหมายถึงสังคมที่ใช้ “ความรู้” เป็นหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ การจ้างงาน และการแข่งขันในตลาดโลก
ดังนั้น มหาวิทยาลัยนเรศวรจึงให้ความสำคัญกับการพัฒนากำลังคนที่มีสมรรถนะสูงและสร้างความพร้อมให้กับกำลังคนของประเทศในการก้าวสู่ตลาดแรงงานสากล ด้วยการปลูกฝังแนวคิดในการเป็นผู้ประกอบการ นอกจากนี้ยังเปิดโอกาสให้นิสิตได้เรียนรู้ข้ามวัฒนธรรมโดยการเข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และสร้างเครือข่ายกับนานาอารยประเทศทั่วโลก ในแต่ละปีจะมีนิสิตได้รับการคัดเลือกเพื่อให้เข้าร่วมโครงการ
โดยในปีการศึกษา 2566 มีนิสิตจำนวน 336 คน ที่ได้รับโอกาสในการพัฒนาร่วมกับ 26 ประเทศทั่วโลก นอกจากนั้นมหาวิทยาลัยนเรศวรยังให้ความสำคัญในการพัฒนาและยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการในพื้นที่ โดยในปี 2566 – 2567 มีผู้ประกอบการจำนวนทั้งสิ้น 95 ราย ที่เข้าร่วมการบ่มเพาะกับมหาวิทยาลัย ผ่านกลไกการทำงานร่วมกันของภาคีเครือข่าย นอกจากนี้ยังมีกลไกแพลตฟอร์มการส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมเพื่อยกระดับสินค้าชุมชน ด้วยการใช้ Soft Power เป็นเครื่องมือผสมผสานองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม เพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์และสินค้าชุมชนของพื้นที่ไปสู่ตลาดทั่วโลก
ความโดดเด่นของงานพระราชพิธีพระราชทานปริญญาบัตรในครั้งนี้ มหาวิทยาลัยได้ใช้ Soft Power เป็นเครื่องมือในการออกแบบการตกแต่งเวทีและแท่นรับพระราชทานปริญญาบัตร บนพื้นฐานแนวคิดแบบ Glocal คือการเชื่อมโยงความสามารถในการประดิษฐ์และพัฒนาผลิตภัณฑ์อันเป็นอัตลักษณ์ของชุมชนในพื้นที่ (Local) เข้ากับความทันสมัยในระดับสากล (Global) ด้วยการผสมผสานระหว่างมรดกวัฒนธรรม (Cultural Heritage) วัฒนธรรมร่วมสมัย (Contemporary Culture) และนวัตกรรม (Innovation) ทั้งนี้ได้นำเสนอแนวความคิดภายใต้ผลงานที่ใช้ชื่อว่า “นเรศวรวิชชาลัย เป็นไทจากอวิชชา” เป็นภาพสะท้อนของความเป็นมหาวิทยาลัยนเรศวร สถาบันการศึกษาที่สร้างองค์ความรู้ เพื่อให้เกิดความตื่นรู้ของบัณฑิตจากอวิชชาทั้งมวล
โดยนำงานยุทธศิลป์ในสมัยอยุธยาตอนกลาง และงานศิลปกรรมแขนงต่าง ๆ ที่มีความเกี่ยวเนื่องกับรัชสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเป็นแกนหลักในการดำเนินงาน ส่วนสำคัญที่สุดของการออกแบบในครั้งนี้คือ พระแท่นที่ประทับ โดยได้นำรูปแบบของพระที่นั่งพุดตานคชาธาร หรือพระที่นั่งสัปคับอันเป็นพระแท่นประจำหลังช้าง สำหรับพระมหากษัตริย์ประทับในการออกราชการสงคราม อีกทั้งยังมีลายประดับอื่น ๆ ได้แก่รูปหน้ากาลหรือหน้าสิงห์ที่ปรากฏในงานเครื่องรบสมัยอยุธยาอันได้รับอิทธิพลจากจีน
โดยนำหลักฐานทางศิลปกรรมต่าง ๆ ได้แก่ รูปสลักทวารบาลประจำบานประตูกำแพงแก้วเบื้องหน้าพระพุทธชินราช ตลอดจนชิ้นส่วนธรรมมาสน์ วัดใหม่อภัยยาราม อันเป็นงานศิลปกรรมในสมัยอยุธยาตอนกลางที่ปรากฏในเมืองพิษณุโลก โดยแนวคิดในการออกแบบทั้งหมดนี้สื่อถึงองค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ให้มีความงดงามสมพระเกียรติ และจุดเด่นของการรังสรรค์งานชิ้นนี้ เกิดขึ้นจากความร่วมมือร่วมใจของ บุคลากรมหาวิทยาลัยนเรศวร นิสิต ศิษย์เก่า ตลอดจนประชาชนในพื้นที่ตำบลท่าโพธิ์ซึ่งเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัย