พิษณุโลก ตร.ทลายเครือข่ายคอกม้า แก๊งคอลเซ็นเตอร์ – เว็บพนันออนไลน์ มูลค่าความเสียหายกว่า 10 ล้านบาท

วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2568 ตำรวจภูธรภาค 6 ภายโต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.กิติศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ ผบช.ภ.6 พล.ต.อมรศักดิ์ เกษมก์สิริ, พล.ต.ต.ณัฐติ ภาคภูมิ รอง ผบช.ก.6 พล.ต.นิคม เครือนพรัตน์ ผบก.ภ.จว. พิษณุโลก, พล.ต.ต. เดชพล เปรมศีรี ผบก.สส.6 พ.ต.อ.จาตุรนต์ บุษปะเกศ และ
พ.ต.อ.ทรงพล สังข์เกษม รอง ผบก.ภ.จว.พิษณุโลก, พ.ต.ฤทธินันท์ ปัยพันธวงศ์ รอง ผบก.ภ.จว. เพชรบูรณ์ ช่วยราชการ บก.สส. ภ.6 พ.ต.อ.สุทธิเวท บุญธรัตกลิน รอง ผบก สส.ภ.6 พ.ต.อ.ธัชพงศ์ วงศ์พัฒนานิวาศ ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก พ.ต.อ.ศุภณัฐ ศตะกูรมะ ผกก.สืบสวน 1 บก.สส.ภ.6, พ.ต.อ.สุเมธ สุนะ ผกก.สภ.บกระทุ่ม, พ.ต.ท.วรการ กาศเกษม รอง ผกก. สส.สก.เมืองพิษณุโลก พ.ท.ท.ทวิช ถึงจันทร์ รอง ผกก.ป.สภ. บางกระทุ่ม และ พ.ต.ท.สิทธิศักดิ์ สุดหอม สว.สส.สภ.เมืองพิษณุโลก สืบเมืองพิษณุโลก ร่วมสืบภาค 6 เปิดยุทธการ “ทลายเครือข่ายคอกม้า” ทำการกวาดล้างจับกุบกุมผู้กระทำความผิดจัดหาคน
เปิดบัญชีธนาคารให้กับกลุ่มมิจฉาชีพ (แก๊งคอลเซ็นเตอร์ เว็บพนันออบไลน์) โดยชักชวนคนภายในหมู่บ้านให้มาเปิดบัญชีม้ากว่า 50 ราย และจัดหาคนขับรถ รับ – ส่ง ขนคนไปทำงานสแกนใบหน้าที่ปอยเปต ประเทศกัมพูชา

รายละเอียดดังนี้
เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.เมืองพิษณุโลก ได้ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนภาค 6 จับกุม นายวินัย หรือนัย มากระนัตถ์ อายุ 37 ปี
บ้านเลขที่ 92/11 ม.8 ต.ท่าตาล อ.บางกระทุ่ม จ.พิษณุโลก
ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดพิษณุโลก

โดยกล่าวหาว่ากระทำผิดฐาน “ร่วมกันเป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวโดยประการให้มีการซื้อชาย ให้เข่า หรือให้ยืม บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อใช้ใช้ในการะทำความผิดเกี่ยวกับ
อาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือความผิดทางอาญาอื่นใด”

พฤติการณ์ คือ เมื่อวันที่ 22 ก.พ.68 จากการสืบสวนขยายผลเจ้าของบัญซีม้า และกลุ่มบุคคคลที่มีพฤติการณ์หลอกลวงชาวบ้านภายในเขตพื้นที่ อ.บางกระทุ่ม จ.พิษณุโลก ให้ทำการเปิดบัญชีธนาคาร ก่อนนำไปขายต่อให้กับมิจฉาชีพ (แก๊งคอลเซ็นเตอร์, เว็บพนันออนไลน์) และยังเป็นธุระจัดหาคนขับรถรับ – ส่ง คนไปทำงานที่ปอยเปต ประเทศกัมพูชากว่า 50 ราย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวบรวบรวมพยานหลักฐาน ขอให้ออกหมายจับนายวินัยฯ ในข้อหา “ร่วมกันเป็นธระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวโดยประการโดๆ เพื่อให้มีการซื้อขาย ให้เช่า หรือให้ยืม บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กหรอนิกส์ เพื่อใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือความผิดทางอาญาอื่นใด” ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนได้ระดมกำลังหลายหน่วยลงพื้นที่ สืบหาที่กบดานของผู้ต้องหาคนดังกล่าว ไช้เวลา 2 วัน จึงทราบว่า ผู้ต้องหากบดานอยู่ในบ้านเช่า ภายในพื้นที่ อ.บางกระทุ่ม จ.พิษณุโลก จึงได้นำกำลังทำการบุกเข้าจับกุม นายวินัยฯ (ผู้ต้องหา) ได้ที่บ้านเข้าเลขที่ 25/1 ม.5 ต.ท่าตาล อ.บางกระทุ่ม จ.พิษณุโลก

สอบถามนายวินัยฯ ให้การรับสารภาพว่าได้ชักชวนชาวบ้านให้มาเปิดบัญชีธนาคาร (บัญชีม้า) และจัดหาคนไปทำงานให้กับมีจฉาชีพ (แก๊งคอลเซ็นเตอร์, เว็บพนันออนไลน์) ที่ปอยเปต ประเทศกัมพูชา จริง โดยนายวินัยฯ ทำนานกว่านกว่า 2 ได้ชักชวนคนในหมู่บ้านเปิดบัญชีธนาคารไปแล้วกว่า 50 ราย โดยจะเปิดคนละ 5-6 บัญชี และนำพาทุกคนข้ามฝั่งไปทำงานสแกนใบหน้าที่ปอยเปต ประเทศกัมพูชา เบื้องต้นผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธว่า ตนนั้นไม่มีผู้ร่วมขบวนการแต่อย่างใด โดยตนได้กระทำการนี้แต่เพียงผู้เดียว ซึ่งเจ้าที่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ จะได้ทำการสืบสวนสอบสวนขยายผล ขุดรากถอนโคนจับกุมผู้กระทำความผิดที่เกี่ยวข้องให้ถึงต้นตอ ต่อไป

จากการสืบค้นประวัติอาชญากรรมของ นายวินัยฯ พบว่า ผู้ต้องหาเคยมีประวัติเกี่ยวพันกับยาเสพติด ถูกจับกุมและต้องโทษในคดีจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 1,800 เม็ด เมื่อปี 2558 ก่อนจะพ้นโทษแล้วผันตัวมาเป็นนายหน้าจัดหาบัญชีม้าจนตกเป็นผู้ต้องหาในคดีนี้

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบ และระวังกันภัยมีให้ตกเป็นเหยื่อจากการถูกหลอกให้เปิดบัญชีธนาคารรวมถึงตกเป็นครื่องมือของกลุ่มมิจฉาชีพ (แก๊งคอลเซ็นเตอร์, เว็บพนันออนไลน์)

ทั้งนี้ทางตำรวจภูธธรภาค 6 จะดำเนินการสืบสวมติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่กระทำความผิด โดยใช้มาตราการลงโทษทางกฎหมายในฐานควานผิดขั้นสูงสุด เพื่อเป็นแบบอย่างมิให้การกระกระทำความผิด และจะดำเนินการจับกุมการกระทำความผิดลักษณะดังกล่าวอย่างจริงจังและต่อเนื่อง เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนสืบไป

สำหรับผู้ต้องหารายนี้สร้างความเสียหายมีมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท เชื่อมโยงหลอก call center ในพื้นที่ สภ.เมืองพิษณุโลก หลายคดี ความเสียหายกว่า 1 ล้านบาท สน. ประชาชื่น กทม.ความเสียหายกว่า 8 ล้านบาท

error: Content is protected !!