“เปรมฤดี” ประกาศผ่านเฟซบุ๊ก ขอโอกาสรับใช้บ้านเมืองอีกครั้ง สื่อโซเชียลทั้งเชียร์-ชม และด่ายับ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังที่ ดร.เปรมฤดี ชามพูนท ลาออกจากตำแหน่งนายกเทศมนตรีนครพิษณุโลก ก่อนครบวาระในวันที่ 27 มีนาคม 2568 นับว่าหลายฝ่ายมองว่าเป็นเกมการเมือง ทำให้บรรยากาศการเมืองท้องถิ่นคึกคักทันที
โดยมีว่าที่ผู้สมัครนายกเทศบาลนครพิษณุโลก เปิดตัวกันมาจำนวนหลายคน อาทิ ดร.พิทักษ์ สันติวงศ์สกุล อดีต สส.พิษณุโลก อดีตที่ปรึกษา รมช.มหาดไทย และอดีต รองนายก อบจ.พิษณุโลก ในทีมพลังชุมชน
นายศิริชิน หาญพิทักษ์พงศ์ รองนายก อบจ.พิษณุโลก ทีมพลังพิษณุโลก และอดีต ส.อบจ.เขต อำเภอพรหมพิราม และประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก อดีตผู้สมัคร สส.พรรคพลังประชารัฐ นายธนากร กลิ่นผกา นักธุรกิจหนุ่มไฟแรง ในนามพรรคประชาชน

ส่วนโปรไฟล์ “เปรมฤดี ชามพูนท” ในนามหัวหน้าคณะลูกนเรศวร ประกาศผ่านเฟซบุ๊กแล้วว่า “ขอโอกาสทำงานรับใช้บ้านเมืองอีกครั้ง ขอโอกาสพัฒนาต่อเนื่องสร้างเมืองสร้างสรรค์ สำหรับคนทุกช่วงวัย”ลูกนเรศวร พร้อม !!!
พร้อมด้วยประสบการณ์ และความรู้ความสามารถ รวมคนรุ่นใหญ่ บวกคนรุ่นใหม่ มาร่วมกันสร้าง พิษณุโลกให้เป็นนครน่าอยู่ สำหรับคนทุกคน จึงมีเสียงเชียร์สนับสนุน ผ่านเฟซบุ๊กกันสนั่นโซเชียล
อย่างไรก็ตาม ภายหลังมีเพจชื่อดังนำเฟซบุ๊กโปรไฟล์ “Premruadee Champoonod” ไปลงข่าว ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ของคนวัยหนุ่ม-สาวที่ออกมาโจมตีในเชิงลบอย่างกว้างขวางผ่านช่องทางเฟซบุ๊กกันเป็นจำนวนมาก

นอกจากนั้น ยีงมีผู้นำเฟซบุ๊กโปรไฟล์” Ning Supawadee” ออกเผยแพร่ชื่นชม “เปรมฤดี” ซึ่งมีข้อความที่น่าสนใจ ดังนี้
“ท่านเป็นนักการเมืองคุณภาพจริงๆ
มองการไกล และเป็นผู้มาก่อนกาล
ในทุกๆ เรื่อง เป็นผู้ที่วางแผน
พัฒนาเมืองระยะยาว และเป็นนัก
พัฒนาในทุกมิติ ฉันขอย้ำคำว่าทุก
มิติ ท่านตั้งใจทำงานแบบไม่
เหน็ดเหนื่อย คำว่า “หญิงเหล็ก”
ไม่ใช่คำนิยาม แค่เป็นผู้นำหรือผู้
บริหารที่เป็นผู้หญิง แต่คำว่าหญิง
เหล็ก สำหรับฉันที่เฝ้ามอง มาร่วม 20 กว่าปี ไม่มีใครทำได้เกินนี้จริงๆ
การบริหารงาน การพัฒนาเมือง
พิษณุโลก จากจังหวัดพิษณุโลกที่
อยู่นอกสายตาคนไทย และประเทศ
แถบอาเซียน ท่านพาพิษณุโลก
ทะยานขึ้นมาเป็นจังหวัดระดับแนว
หน้าของประเทศ ลองหันกลับไป
มองเมืองพิษณุโลกในอดีต เราต้อง
ยอมรับเลยว่า หญิงเหล็กคนนี้พา
พิษณุโลกมาไกลมาก และที่สำคัญที่สุดของการจะพาบ้านเมืองให้เจริญก้าวหน้าแบบยั่งยืน คือ
การส่งเสริมให้ภาคประชาชนใน
พื้นที่มีความเข้มแข็ง มีส่วนร่วมรับรู้
รับเห็น รับฟังความคิดเห็นกับการ
พัฒนาเมืองในตลอดระยะเวลาที่
ผ่านมา 20 กว่าปี
ในทุกๆ เรื่อง ทุกๆ การทำงาน ทุกๆ
การพัฒนา ย่อมมีความไม่ถูกใจ ไม่
สบอารมณ์ น่าจะอย่างนู้น น่าจะ
อย่างนี้ แต่สำหรับฉัน ถ้าผลงาน
ชิ้นนั้นๆ ประสบความสำเร็จ แต่อาจ
มีจุดตำหนิบ้างที่ไม่ใช่เสียหายใน
สาระหลัก ฉันยอมรับ และมองจุด
นั้นเป็นเรื่องธรรมชาติ คนไม่ใช่
เทวดา ทำให้บ้านนี้เมืองนี้ ได้ขนาดนี้ ไม่นับถือ จะไปนับถือแมวที่ไหน”
