“อทิตาธร” ปราศรัยใหญ่ส่งท้าย ลั่นสู้ศึก อบจ.เชียงราย แกนนำเพื่อไทยขนมวลชนช่วยหนุน ข้ามฟาก “ทักษิณ”
วันที่ 30 ม.ค.2568 ที่สนามกีฬากลาง จ.เชียงราย นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงราย และผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นนายก อบจ.เชียงราย หมายเลข 1 ได้จัดเวทีปราศรัยส่งท้ายก่อนการเลือกตั้งในวันเสาร์ที่ 1 ก.พ.นี้ โดยมีการผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิก อบจ.เชียงราย เขต อ.เมืองเชียงราย ผลัดกันปราศรัยและมีมวลชนเข้าร่วมรับฟังประมาณ 5,000 คน โดยมีแกนนำเสื้อแดงหลายคนพามวลชนไปสนับสนุนและมีกลุ่มการเมืองที่เคยสนับสนุนพรรคเพื่อไทย แต่หันไปสนันสนุนนางอทิตาธร ไปร่วมรับฟังเป็นจำนวนมาก
นางอทิตาธร ปราศรัยโดยมีเนื้อหาส่วนใหญ่เป็นการเล่าประวัติของตัวเองที่ต้องการทำงานเพื่อท้องถิ่น จ.เชียงราย จึงได้ศึกษาข้อมูลทั้ง 18 อำเภอ 1,753 หมู่บ้าน ประชากรกว่า 1.28 ล้านคนว่าแต่ละหมู่บ้านชุมชนชาวบ้านมีอาชีพและกินอยู่อย่างไร เพื่อจะได้จัดสรรงบประมาณท้องถิ่นลงไปให้ถูกต้องและเกิดประโยชน์ นอกจากนี้เล่าถึงเหตุการณ์ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่แม้แต่ประเทศสหรัฐอเมริกา จีน ก็มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก จึงได้พยายามเสาะหาวัคซีนนอกเหนือจากโควต้าที่มีอยู่เพื่อให้ชาวเชียงรายได้รับผลกระทบน้อยที่สุด
“ตนได้มีความพร้อมสู่การเลือกตั้งมาเต็ม 100% และได้รับการต้อนรับจากประชาชนในทุกๆ พื้นที่ที่ลงไปอย่างเต็มที่โดยได้กำลังใจอย่างมากมายส่วนกรณีที่ต้องแข่งขันกับพรรคการเมืองใหญ่นั้นไม่รู้สึกกังวลแต่อย่างใด เพราะการเลือกตั้งท้องถิ่นที่คนท้องถิ่นจะได้ตัดสินใจ ผู้จะมาเป็นตัวแทนจะต้องรู้จักท้องถิ่นของตัวเองเป็นอย่างดีว่าจะสามารถทำงาน แก้ไขปัญหาและพัฒนาเชียงรายได้ ที่ผ่านมาไม่มีหมู่บ้านใดที่ไม่ได้ลงไปในพื้นที่ จึงทราบข้อมูลเป็นอย่างดี”
นางอทิตาธร กล่าวด้วยว่า ส่วนกรณีอดีตนายกรัฐมนตรี ลงไปช่วยอีกฝ่ายลงแข่งขันตนก็ไม่หนักใจ เพราะการเลือกตั้ง อบจ.เป็นเรื่องของท้องถิ่นและประชาชนเข้าใจระบบว่ามีการแบ่งแยกกันโดยสิ้นเชิง ทั้งนโยบายของรัฐบาลที่อาจไม่ใช่ความต้องการของท้องถิ่นอย่างแท้จริง แต่คนท้องถิ่นย่อมเข้าใจท้องถิ่นด้วยกัน ตนจึงมั่นใจว่าไม่ว่าคนรุ่นใหม่และรุ่นเดิมได้เปลี่ยนไปแล้ว โดยประชาชนเข้าใจในระบบในการเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และท้องถิ่น ประชาชนจะเลือกคนที่พวกเขามั่นใจ
“กรณีมีการปล่อยข่าว Fake News ต่างๆ นั้น ตนถือสัจจะและความจริง ซึ่งประชาชนได้ยินแล้วจะตัดสินใจได้ ส่วนกรณีอดีตนายกรัฐมนตรี ที่มาเป็นผู้ช่วยหาเสียงที่ จ.เชียงราย ก็ต้องขึ้นอยู่กับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่าจะทำอย่างไร สำหรับตนจะมุ่งดำเนินตาม 7 เรือธง ที่มาจากนโยาย 13 นโยบายเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน เช่น การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การศึกษา สาธารณสุข ฝุ่น PM 2.5 น้ำท่วม ฯลฯ สิ่งที่ตนอยากทำมากคือจะตั้งศูนย์บริหารจัดงานสาธารณภัยแบบครบวงจร ซึ่งมาจากนักวิชา ผู้รู้ วิศวกรท้องถิ่นทั่ว จ.เชียงราย และวิศวกรอาสา ที่ได้ลงพื้นที่ในภัยธรรมชาติที่ผ่านมาเพราะไม่อยากให้เกิดภัยธรรมชาติกับชาวเชียงรายมีการเยียวยา รับทราบข้อมูลผ่านโทรศัพท์มือถือโดยเฉพาะความเสียหายหนักจากน้ำท่วมที่ผ่านมาเกิดจากการไม่รับทราบข้อมูล” นางอทิตาธร กล่าว
นางอทิตาธร กล่าวถึงกรณีฝุ่น PM 2.5 ว่าชาวเชียงรายจะต้องใช้เสียงร่วมกันไปถึงผู้นำเข้าพืชผลทางการเกษตรที่ส่งเสริมการปลูกในประเทศเพื่อนบ้าน ฝุ่นข้ามแดนเกิดจากการปลูกพืชผลทางการเกษตรในประเทศเพื่อนบ้าน เมื่อบริหารจัดการไม่ดีก็มีการเผาจนเกิดเป็นฝุ่นควันเข้าสู่ประเทศไทยโดยไม่ได้เกิดจากเรา จึงต้องใช้ระเบียบ กฎหมาย การพูดคุยระหว่างประเทศ จัดการกับผู้รับซื้อผลิตผลทางการเกษตรที่จะนำเข้าสู่ประเทศไทย เพราะในต่างประเทศมีการปลูกข้าวสาลี ข้าวโพด ฯลฯ เหตุใดจึงไม่มีปัญหาจึงต้องนำมาเป็นกรณีศึกษาได้
ส่วนกรณีเจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดของกลางใบปลิวและอื่นๆ จากผู้สนับสนุนในอำเภอแห่งหนึ่งนั้น จากการสอบถามผู้ที่เกี่ยวข้อง พบว่าเป็นการแจกแผ่นพับใบปลิวและรอให้ ทาง กกต.ได้ตรวจสอบ โดยตนไม่ได้วิตกกังวลในเรื่องนี้ แต่ตนวิตกกังวลเพียงเรื่องเดียวคือ “อำนาจรัฐ” จึงขอให้สื่อมวลชนและผู้ที่เกี่ยวข้องช่วยดูให้ด้วย โดยเฉพาะโยงไปสู่การซื้อสิทธิ์ขายเสียงที่จะทำให้ชาวเชียงรายอ่อนแอได้ และจะอยู่กับเราไปอีก 4 ปี ขณะที่การพัฒนาและแก้ไขปัญหากำลังรอเราอยู่จึงต้องการผู้แทนที่มีความชัดเจนในเรื่องนี้
การเลือกตั้งนายก อบจ.และสมาชิก อบจ. เชียงราย จะมีขึ้นในวันที่ 1 ก.พ.นี้ โดยคู่แข่งคนสำคัญของพรรคเพื่อไทย คือ นางอทิตาธร วันไชยธนะวงศ์ อดีตนายก อบจ.เชียงราย ที่พึ่งหมดวาระไปได้หมายเลข 1 ส่วนนางสลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช ได้หมายเลข 2 และ และมีผู้สมัครอีกคือ น.ส.จิราพร หมื่นไชยวงศ์ ได้หมายเลข 3