พิษณุโลก ชาวเรือนแพ“ระทม”เหม็นท่อน้ำทิ้งกลางเมือง ระบุโรงแรมบางแห่งไม่เคยดูดสิ่งปฏิกูล คาดไม่มีบ่อบำบัด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับคำขวัญจังหวัดพิษณุโลก“สองฝั่งน่านล้วนแพ” เอกลักษณ์ที่สำคัญได้ขาดหายไปแม้ว่าจะใช้มาตั้งแต่ปี 2530 ภายหลังที่มีการประกวดชนะเลิศคำขวัญ “พระพุทธชินราชงามเลิศ ถิ่นกำเนิดพระนเรศวร สองฝั่งน่านล้วนเรือนแพ หวานฉ่ำแท้กล้วยตาก ถ้ำและน้ำตกหลากตระการตา”
ต่อมาจังหวัดพิษณุโลก ได้มีดำริย้ายเรือนแพจากลำน้ำน่านกลางเมืองพิษณุโลกทั้งสองฝั่ง ประมาณ133 หลังคาเรือน บริเวณสองฝากฝั่งสะพานนเรศวร ทอดยาวเรียงรายตั้งแต่หน้าวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร หรือวัดใหญ่ และหน้าศาลจังหวัดพิษณุโลก หรือโรงเรียนเฉลิมขวัญสตรี โดยอ้างเหตุผลสกปรกถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ และสิ่งปฏิกูลอื่นๆลงแม่น้ำน่าน
โดยนับตั้งแต่ปี 2541 ส่วนหนึ่งได้เริ่มทยอยย้ายไปขึ้นบกที่ทางราชการจัดสรรไว้ให้ คือบริเวณบ้านคลองโคกช้างหมู่ที่10 ตำบลอรัญญิก อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก มีชาวแพจำนวนหนึ่งที่ยังอาศัยอยู่ในแม่น้ำน่าน ปัจจุบันมีอยู่ไม่เกิน 25 หลังคาเรือน แต่ถูกทางเทศบาลนครย้ายไปไว้ด้านท้ายน้ำเลยวัดท่ามะปราง ก่อนถึงสะพานสุพรรณกัลยา ทั้งนี้ก่อนหน้านี้ชาวแพทั้งหมดจะมีบ้านเลขที่ออกให้โดยเทศบาลนครพิษณุโลก
รายงานข่าวแจ้งว่า ปัจจุบันจังหวัดพิษณุโลกมีการขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว ทั้งโรงแรมขนาดเล็กและระดับ 4-5 ดาว ผุดราวดอกเห็ดและนิยมสร้างติดแม่น้ำน่าน ตลอดจนโรงพยาบาลเอกชนเกิดขึ้นหลายแห่ง จึงมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าทั้งโรงแรมและโรงพยาบาลเอกชน มีบ่อบำบัดถูกสุขลักษณะหรือไม่ มีหน่วยงานราชการเข้าไปควบคุมดูแลอย่างไร เพราะทั้งหมดต้องทิ้งน้ำเสียลงท่อน้ำทิ้งของเทศบาลนคร และปล่อยไหลลงสู่แม่น้ำน่าน นอกจากนั้นยังพบโรงแรมกลางเมืองแห่งหนึ่ง ที่ไม่มีบ่อบำบัดของเสียคาดว่าปล่อยลงท่อเทศบาลโดยตรง เพราะไม่เคยจ้างรถดูดสิ่งปฏิกูลเข้าไปใช้บริการแต่อย่างใด
ด้านนายรัตนชัย ฤทธิ์ทอง อายุ 50 ปี บ้านเลขที่100 /42 ตำบลแพพุทธบูชา ชาวเรือนแพในลำน้ำน่านย่านวัดท่ามะปราง อำเภอเมืองพิษณุโลก กล่าวว่า ที่ไม่ยอมย้ายไปบนบก เพราะครอบครัวทำมาหากินอยู่กับน้ำ กับปลามาตลอดชีวิต ถ้าขึ้นบกจะไปทำมาหากินอะไรไม่มีที่ดินปลูกบ้าน ในเรื่องที่เขาจัดหาที่อยู่ให้ ซึ่งตนไม่มีเงินที่จะหามาจ่ายรายเดือน จึงตัดสินใจอาศัยอยู่แพนี้ต่อไป แต่อยู่ใกล้กับท่อน้ำทิ้งเทศบาลทนเหม็นมาก
สัมภาษณ์ นางสำลี คล้ายทิม ชาวเรือนแพที่ย้ายไปอาศัยอยู่บ้านโคกช้าง หมู่ที่ 10 ตำบลอรัญญิก อำเภอเมืองพิษณุโลก
สำหรับท่อน้ำทิ้งที่ไหลลงสู่แม่น้ำน่านกลางเมืองพิษณุโลกทั้งสองฝั่ง ทิศตะวันออกและทิศตะวันตกหลายแห่ง โดยฝั่งทิศตะวันออก ประกอบด้วย บริเวณสามแยกประตูมอญ,ใต้สะพานนรเศวร, สวนริมน่านเฉลิมพระเกียรติ หน้าที่ทำการสาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลก, หัวสะพานเอกาทศรถ และใกล้วัดท่ามะปราง บริเวณชาวเรือนแพ ส่วนฝั่งทิศตะวันตก ใกล้แฟลตตำรวจภูธรจังหวัดพิษณุโลก และใกล้วัดจันทร์ตะวันตก ซึ่งมีโรงแรม ร้านอาหาร จำนวนหนึ่ง