“จ.ส.อ.ดร.ทวี บูรณเขตต์” เจ้าของพิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน”จ่าทวี” เสียดายเรือนแพเอกลักษณ์เมืองพิษณุโลก

จ.ส.อ.ดร.ทวี บูรณะเขตต์ เจ้าของพิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน “จ่าทวี”อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก และผู้มีผลงานดีเด่นทางวัฒนธรรม สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กล่าวว่า ตนเห็นเรือนแพมาตั้งแต่เป็นเด็ก มองดูน่าประทับใจ แต่ถูกโยกย้ายไม่ให้มีเรือนแพอยู่ในแม่น้ำน่าน

“ไม่มีที่ไหนเขามีกัน เหลืออยู่ส่วนหนึ่ง ของเราเคยมียาวเหยียด ตั้งแต่ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราชจนถึงวัดท่ามะปราง และเกือบถึงถึงวัดจันทร์ หาดูที่ไหนไม่มีอีกแล้ว ภาพติดตาประทับใจจนถึงทุกวันนี้ มีอายุ 87 ปี เสียดายมากเป็นสิ่งหนึ่งของจังหวัดพิษณุโลกที่ขาดหายไป” จ.ส.อ.ดร.ทวี กล่าว

ข่าวแจ้งว่า ภายในพิพิธภัณฑ์จ่าทวี มีโบว์ชัวร์และเอกสารแจกจ่ายให้กับผู้เข้าชม บอกประวัติ จ.ส.อ.ดร.ทวี บูรณเขตต์ และรายละเอียดประวัติความเป็นมาของพิพิธภัณฑ์ นอกจากนั้นยังมอบหนังสือ “บันทึกเรื่องเมืองพิษณุโลก”ปกด้านหน้าภาพพระพุทธชินราช ส่วนด้านหลังเป็นรูปเรือนแพ และคำขวัญประจำจังหวัดพิษณุโลก ระบุคำขวัญที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ การประกวดคำขวัญประจำจังหวัดพิษณุโลก พ.ศ.2530 โดย ผศ.สุรีย์ ไวยกุฬา

“พระพุทธชินราชงามเลิศ”
“ถิ่นกำเนิดพระนเรศวร”
“สองฝั่งน่านล้วนเรือนแพ”
“หวานฉ่ำแท้กล้วยตาก”
“ถ้ำและน้ำตกหลากตระการตา”

รายงานข่าวแจ้งว่า นโยบายการย้ายเรือนแพมีมานานหลายปีโดยมีการจัดตั้งคณะกรรมการระดับจังหวัดขึ้นมาพิจารณาหาข้อยุตินานหลายครั้งทั้งข้อดีข้อเสีย ทั้งนี้ ได้ยกประเด็นสิ่งแวดล้อม ความสะอาดของน้ำในลำน้ำน่าน มีปัญหายุ่งยากต่อการกำจัดสิ่งปฏิกูล ขณะนั้นโรงพยาบาลเอกชน และโรงแรมยังมีไม่มากเหมือนในปัจจุบัน

ในที่สุดมีการย้ายเรือนแพเกิดขึ้นในช่วงระหว่างปี 2541-2542 ขณะที่นายนิธิศักดิ์ ราชพิตร ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก และนางเปรมฤดี ชามพูนท ดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองพิษณุโลก ปัจจุบันยกฐานะเป็นเทศบาลนครพิษณุโลก