ผู้ว่าฯ เชียงราย สั่งเปิดปฏิบัติการ “เชียงรายฟ้าใส (ไร้ควัน)” จัดระเบียบสังคมฯการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้า
ป้องกันเด็ก เยาวชน นักเรียน และนักศึกษา ยุ่งเกี่ยวกับอบายมุข ใน ตามนโยบาย มท.1
ภายใต้การอำนวยการของ นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายบัลลังก์ ไวทย์ศิริ ปลัดจังหวัดเชียงราย นายบุญส่ง ตินารี นายอำเภอเมืองเชียงราย พล.ต.ต.มานพ เสนากูล ผบก.ภ.จว.เชียงราย และ พ.ต.อ. โสภณ ม่วงเฟื่อง ผกก.สภ.เมืองเชียงราย ได้สั่งการให้ฝ่ายปกครองร่วมกับตำรวจ นำโดยนายกองรบ กระทุ่มนัด ป้องกันจังหวัดเชียงราย ผู้ช่วยป้องกันจังหวัดเชียงราย สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน กองร้อยอาสารักษาดินแดนจังหวัดเชียงรายที่ 1 นายธีรัตน์ อิทธิพลาลักษณ์ ปลัดอำเภอเมืองเชียงราย สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน กองร้อยอาสารักษาดินแดนอำเภอเมืองเชียงรายที่ 3 ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย ออกปราบปรามร้านลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า ให้แก่เด็ก เยาวชน นักเรียน และนักศึกษา
วันที่ 3 กรกฎาคม 2567 เวลา 14.20 น. เจ้าหน้าที่จึงได้วางแผนเข้าตรวจสอบร้านดังกล่าว โดยวิธีล่อซื้อ และปลอมตัวเป็นไรเดอร์เพื่อเข้าทำการจับกุม และอีกชุดซุ่มดูพฤติกรรมอยู่บริเวณบ้านเช่าที่คาดว่าเป็นที่เก็บบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งระหว่างที่ทำการซุ่มดูอยู่ประมาณ 15 นาที ทางร้านมีการออกไปส่งของกว่า 5 ครั้ง และมีไรเดอร์เข้ามารับของอยู่ตลอดเวลา เมื่อทำการตกลงซื้อขายและนัดรับของ โดยทางร้านแจ้งให้มารับของที่บริเวณ ข้างวิทยาลัยเทคนิค เชียงราย โดยผู้ส่งของได้ออกจากบ้านเช่าเลขที่ 194/39 ตำบลรอบเวียง อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย โดยใช้มอเตอร์ไซต์ ออกมาส่งของ
เมื่อมาถึงจุดรับรับเจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัว พร้อมพามาตรวจค้นในบริเวณบ้านเช่า ซึ่งเป็นอาคารชั้นเดียว จากการตรวจสอบพบผู้ดูแล จำนวน 2 คน เป็นหญิงและหนึ่งในนั้น เคยถูกจับมาเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2567 จากการตรวจสอบพบบุหรี่ไฟฟ้า และอุปกรณ์ จำนวนกว่า 300 ชิ้น มูลค่ากว่า แสนบาท ยังพบบัญชีซึ่งมีรายได้ต่อเดือนกว่า 500,000 บาท และเจ้าหน้าที่ยังพบคำสั่งปิดร้าน ร้าน P-VAPE ตั้งอยู่ที่ 197/8 หมู่ที่ 15 ตำบลรอบเวียง อำเภอเมืองเชียงราย อยู่ในบ้านเช่าหลังดังกล่าวด้วย
เจ้าหน้าที่จึงนำตัวผู้ดูแลทั้ง 2 ราย โดยแจ้งข้อหา
1) ได้มีการซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้โดยประการใด ซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของอันเนื่องด้วยความผิดตามมาตรา 242 ตามมาตรา 246 วรรคแรก แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 ประกอบข้อ 4 แห่งประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้บารากู่และบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2557 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับเป็นเงินสี่เท่าของราคาของซึ่งได้รวมค่าอากรเข้าด้วยแล้ว หรือ ทั้งจำทั้งปรับ
2) ขายสินค้าบารากู่ บารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า โดยฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ที่ 9/2558 เรื่อง ห้ามขายหรือห้ามให้บริการสินค้า บารากู่ บารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า ต้องระวางโทษ โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 600,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
เจ้าหน้าที่จึงนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน ดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมกล่าวโทษเจ้าของบัญชี ต่อไป
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จะได้ปราบปรามร้านทั้งเปิดหน้าร้านและขายออนไลน์ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ต่อไป
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2567 เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองได้ทำการจับกุมร้านลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า ชื่อร้าน P-VAPE ตั้งอยู่ที่ 197/8 หมู่ที่ 15 ตำบลรอบเวียง อำเภอเมืองเชียงราย ซึ่งขณะนั้นจำกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 4 คน แสดงตัวเป็นผู้ดูแลร้าน
เนื่องจากเจ้าหน้าที่ ได้ทำการสืบทราบมาว่า ร้านดังกล่าวกลับมาเปิดลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าอีกครั้ง แต่เปลี่ยนสถานที่ และรูปแบบในการจำหน่าย โดยมีการตั้งกลุ่มไลน์ในการซื้อขาย นัดรับ และส่งของ โดยในไลน์กลุ่มจะพบว่าร้านดังกล่าวมีสาขาอยู่ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย อีกสองสาขา ได้แก่ สาขาตะวันแดง และสาขาบ้านดู่เมืองใหม่ โดยจะใช้วิธีการโอนเงินแต่เพียงอย่างเดียว โดยชื่อบัญชีผู้รับโอนจะเป็นคนเดียวกันซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่จังหวัดนครปฐม แล้วผู้ใช้บริการถึงเลือกว่าจะให้ทางร้านส่งของให้ผ่านทางไรเดอร์
หรือนัดรับตามจุดที่ทางร้านแจ้ง ซ้ำร้านดังกล่าวยังมีการจัดโปรโมชั่นลดราคาต้อนรับเปิดเทอม ซึ่งเป็นรูปแบบเดียวกันทุกสาขา อันเป็นการมุ่งเป้าหมายไปที่กลุ่มเด็ก เยาวชน นักเรียน และนักศึกษา และเป็นการมอมเมา เด็กและเยาวชนในพื้นที่จังหวัดเชียงรายเป็นอย่างมาก