คุก 3 กระทง คนละ 15 ปี! อดีตจัดหางานตาก–พวกทุจริตเบิกจ่ายเงินบริหารคนต่างด้าว–ค่าโอทีเท็จ
เผยคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 6 ยืนตามศาลชั้นต้นจำคุก‘บุญมีพันธงชัย‘ อดีตจัดหางานจังหวัดตากพร้อมพวก 3 กระทง คนละ 15 ปี ทุจริตเบิกจ่ายเงินบริหารแรงงานต่างด้าว–ค่าโอทีเท็จ
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่าเมื่อเร็วๆนี้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 6 จังหวัดนครสวรรค์ พิพากษายืนตามศาลจังหวัดตาก สั่งลงโทษจำคุกนายบุญมี พันธงชัย อดีตจัดหางานจังหวัดตาก พร้อมพวก ประกอบไปด้วย นายชูชาติ หรือชยชาติ นายวาสิทธิ์ แก้วพิกุล คนละ15 ปี ส่วนนางสาวจตุพร บุญยัง จำเลยอีกรายรับโทษจำคุก 9 ปี 12 เดือน ในคดีที่ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดทุจริตในการเบิกจ่ายงบประมาณประเภทเงินฝากค่าใช้จ่ายในการบริหารแรงงานต่างด้าวการเบิกจ่ายเงินยืมและเบิกเงินค่าทำงานนอกเวลาเป็นเท็จตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา147, 151 , 157 , 161 และ162 ประกอบมาตรา83 , 90 และ91 ตั้งแต่เมื่อวันที่16 ก.ย.2557 ที่ผ่านมา
โดยศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษาว่านายบุญมีพันธงชัยนายชูชาติหรือชยชาติ นายวาสิทธิ์ แก้วพิกุล มีความผิดตามมาตรา147 , 151 และ157 ประกอบมาตรา 83 นอกจากนี้ นายบุญมี พันธงชัย ยังมีความผิดตามมาตรา162 ประกอบมาตรา86 ขณะที่นายชูชาติ หรือชยชาติ นายวาสิทธิ์ แก้วพิกุล มีความผิดตามมาตรา 162 ประกอบมาตรา 83 สั่งลงโทษจำคุกจำเลยทั้ง3 ราย 3 กระทงๆละ 5 ปี รวมโทษจำคุกคนละ 15 ปี
ส่วนนางสาวจตุพรบุญยังมีความผิดตามมาตรา147 , 157 ,162 ประกอบมาตรา 86 จำคุก 3 ปี 4 เดือนรวม 3 กระทง เป็นจำคุก 9 ปี 12 เดือน
สำหรับกฎหมายอาญามาตรา 147 ระบุว่าผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อทำจัดการหรือรักษาทรัพย์ใดเบียดบังทรัพย์นั้น เป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริตหรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสียต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปีหรือจำคุกตลอดชีวิตและปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท
มาตรา151 ระบุว่า “ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อทำจัดการหรือรักษาทรัพย์ใดๆใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริตอันเป็นการเสียหายแก่รัฐเทศบาลสุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้นต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปีหรือจำคุกตลอดชีวิตและปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสี่หมื่นบาท“
มาตรา157 ระบุว่าผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปีหรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา162 ระบุว่าผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสารรับเอกสารหรือกรอกข้อความลงในเอกสารกระทำการดังต่อไปนี้ในการปฏิบัติการตามหน้าที่(1) รับรองเป็นหลักฐานว่าตนได้กระทำการอย่างใดขึ้นหรือว่าการอย่างใดได้กระทำต่อหน้าตนอันเป็นความเท็จ(2) รับรองเป็นหลักฐานว่าได้มีการแจ้งซึ่งข้อความอันมิได้มีการแจ้ง
(3) ละเว้นไม่จดข้อความซึ่งตนมีหน้าที่ต้องรับจดหรือจดเปลี่ยนแปลงข้อความเช่นว่านั้นหรือ(4) รับรองเป็นหลักฐานซึ่งข้อเท็จจริงอันเอกสารนั้นมุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นความเท็จต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปีและปรับไม่เกินหนึ่งแสนสี่หมื่นบาท
Cr: isranews.org