ไทย – ลาว ลาดตระเวณร่วมแม่น้ำโขง แก้ปัญหายาเสพติด

 วันที่ 16 ก.พ.67 พันเอก กิดากร จันทรา รองผู้บัญชาการ กองกำลังผาเมือง ในฐานะรองหัวหน้าชุดประสานงานประจำพื้นที่ชายแดนไทย-ลาว พื้นที่ภาคเหหนือ  เป็นประธานฝ่ายไทย โดยมี นาวาเอก ศราวุธ เถื่อนบุญ ผบ.นรข.เขตเชียงราย  ร่วมกับทาง สปป.ลาว นำโดย พันโท ปันยา แสงวิจิต รองหัวหน้ากองบัญชาการป้องกันความสงบ แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว เป็นประธานฝ่ายลาว จัดการลาดตระเวณร่วมทางน้ำตามลำแม่น้ำโขง พร้อมด้วย ส่วนราชการในชุดประสานงาน ทั้งฝ่ายไทย และ สปป.ลาว เข้าร่วม  โดยลาดตระเวณในจุดตรวจการณ์ลาดตระเวณร่วมทางน้ำ พื้นที่ ต.เวียง อ.เชียงของ จ.เชียงราย

โดยการประชุมชุดประสานงาน  หารือแลกเปลี่ยนช้อมูลข่าวสารปัญหาการกระทำผิดกฎหมาย ตามลำแม่น้ำโขง บริเวณพื้นที่ชายแดนไทย – ลาว ในพื้นที่ภาคเหนือของไทย ด้านแขวงบ่อแก้ว โดยเฉพาะปัญหาด้านยาเสพติด ซึ่งเป็นการบูรณาการร่วมกันของเจ้าหน้าที่กองกำลังป้องกันชายแดน กองกำลังผาเมือง หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขง กับฝ่ายปกครอง ตำรวจ และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ ตลอดจนเป็นการพัฒนาสัมพันธ์ในทุกระดับ อันจะก่อให้เกิดความมั่นคงในพื้นที่ตามชายแดน และเกิดความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาการกระทำผิดกฎหมายในพื้นที่ชายแดนของทั้ง 2 ประเทศ ด้วยมาตรการที่ถูกต้อง และเหมาะสม บนพื้นฐานของความสัมพันธ์อันดีต่อกัน พร้อมทั้งผลักดัน ให้เกิดความร่วมมือในด้านต่างๆ ต่อไป

จากนั้น คณะชุดประสานงานประจำพื้นที่ชายแดนไทย – ลาว เดินทางโดยรถยนต์ จากด่านศุลกากรเชียงของ ไปยัง จุดตรวจการณ์การลาดตระเวนร่วมทางน้ำ ตำบลเวียง อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย ร่วมสังเกตการณ์การลาดตระเวนร่วมทางน้ำตามลำแม่น้ำโขง ในโอกาสนี้ยังได้มอบสิ่งของบำรุงขวัญให้กับชุดปฏิบัติการลาดตระเวนทางน้ำ และบันทึกภาพเพื่อเป็นที่ระลึกร่วมกัน
 
สำหรับการลาดตระเวณร่วมดังกล่าว เกิดขึ้นหลังจากคณะชุดประสานงานประจำพื้นที่ชายแดนไทย-ลาว ทั้ง 2 ชาติได้พบปะหารือปัญหาการกระทำผิดกฏหมายตามลำแม่น้ำโขง บริเวณพื้นที่ภาคเหนือของไทย ที่ติดต่อกับแขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว โดยเฉพาะปัญหาด้านยาเสพติด ซึ่งใปีงบประมาณ 2567 มีการจับกุมตาม พรบ.ยาเสพติดตามแนวลำน้ำโขงได้ 3 ครั้ง ของกลางเป็นยาบ้า 2,900,000 เม็ด นอกจากนั้นยังมีการจับกุมตาม พรบ.ตรวจคนเข้าเมือง จำนวน  20 ครั้ง ได้ผู้ต้องหาเป็นบุคคลต่างด้าว 53 คน เป็นผู้นำพา 11 คน  การจับกุมตาม พรบ.ศุลกากร จำนวน 8 ครั้ง ผู้ต้องหา 1 ราย รถยนต์ 4 คัน รถจักยานยนต์ 6 คัน