แม่ใจสลาย ศึกสายเลือด น้องปืนดุยิงพี่ชายตายคาบ้าน

เมื่อวันที่ 4 ก.ย.66 พล.ต.ต.ธวัช วงศ์สง่า ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพิษณุโลก พร้อมด้วย พ.ต.อ.วิสุทธิ์ คล้ายแสง ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรวัดโบสถ์ พ.ต.ท.นฤนาจ บุญจวง รอง.ผกก (สอบสวน) ได้นำตัวนายไพรฑูรย์ กาสา อายุ 35 ปี มาสอบปากคำเพิ่มเติม หลังได้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนแก็ปไทยประดิษฐ์ ยิงนายเด่นชัย กาสา อายุ 41 ปี พี่ชายเสียชีวิตภายในบ้านพัก เลขที่ 6/2 ม.3 บ้านห้วยเจียง ต.คันโช้ง อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก ในช่วงคืนที่ผ่านมา พร้อมโยนอาวุธปืนทิ้งเอาไว้หลังบริเวณบ้านเกิดเหตุ ก่อนจะหลบหนีซ่อนตัวอยู่ในป่า กระทั่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ติดตามจับกุมตัวได้ในป่าหญ้าใกล้เคียงบ้านพัก พร้อมนำตัวไปยึดอาวุธปืน ที่โยนทิ้งเอาไว้ห่างจากตัวบ้านประมาณ 10 เมตร

จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ นายไพรฑูรย์ กาสา ผู้ก่อเหตุได้ให้การว่า ตนเองกับพี่ชายชอบเรื่องทะเลาะกันเป็นประจำ เนื่องจากมีปัญหาเกี่ยวกับการเอาสิ่งของเครื่องใช้ และรถทางการเกษตรไปใช้งานงาน แต่ไม่มีการดูแลรักษา พอเสียทิ้งไว้ไม่ซ่อมแซม จนมีปากเสียงกันมาโดยตลอด ก่อนเกิดเหตุตนกับพี่ชาย ต่างไปออกเมาจากนอกบ้านกันมา แต่ต่างไปดื่มกินคนละที กระทั่งกลับมาเจอกันที่บ้านเกิดมีปากเสียงกันอีกครั้ง ตนจึงเดินไปคว้าปืนแก็ปไทยประดิษฐ์ ปรากฏว่าพี่ชายได้เข้ามายื้อแย้งอาวุธปืน และด่าว่าตนหาว่าจะเอาปืนมายิง แต่ตนได้บอกไปว่าจะเข้าป่า ระหว่างนั้นพี่ชายได้ไปนั่งกินข้าว ส่วนตนได้ยกปืนขึ้นสะพายปืน แต่ไม่คาดคิดปืนเกิดลั่นขึ้นมาเอง มองเห็นพี่ชายล้มนอนอยู่ตรงนั้น ตนตกใจจึงวิ่งลงบันไดบ้านสวนกับนางจันหอม กาสา แม่ ที่ได้วิ่งมาดู จากนั้นตนขว้างปืนทิ้งในป่าข้างบ้าน ก่อนจะวิ่งหลบหนีไปนอนในป่ากระทั่งเช้าตัดสินใจให้ญาติพาเข้ามอบตัว ยืนยันว่าตนไม่ได้ตั้งใจยิงมันเป็นอุบัติเหตุ

พล.ต.ต.ธวัช วงศ์สง่า ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพิษณุโลก ได้กล่าว จากการตรวจสอบจากสถานการณ์ การที่ผู้ต้องหาให้การก็เป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหา ส่วนในทางคดีได้พิจารณาจากหลักฐาน และผลการตรวจของเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ยังมีจุดที่ย้อนแย้งกัน เบื้องต้นพบรอยรูกระสุนบริเวณลำคอ 1 รู และมีบาดแผลแตกประมาณ 4-5 ซม.ที่บริเวณหน้าผาก และหลังศีรษะมีบาดแผลแตก บริเวณหน้าอกมีรอยฟกช้ำ คาดถูกด้ามอาวุธปืนทุบ ต้องรอผลจากศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 6 เพราะลักษณะตรงกับอาวุธปืนแก็ปที่โค้งงอ แม้ว่าเบื้องต้นผู้ต้องหายังให้การภาคเสธ อ้างเป็นอุบัติเหตุปืนลั่นไม่ได้ตั้งใจยิง แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อรอผลพิสูจน์หลักฐานจากนิติเวชและ ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 6 มาประกอบสำนวนอีกครั้ง

นางจันหอม กาสา อายุ 64 ปี แม่ของผู้เสียชีวิตและผู้ต้องหา กล่าวว่า ตนมีลูก 3 คน นายเด่นชัยเป็นคนโต นายไพฑูรย์(คนกลาง) และมีลูกสาวอีก 1 คน อยู่ต่างจังหวัด แต่ก่อนตนอยู่บ้านคนเดียว เนื่องจากสามีเสียชีวิต ส่วนนายไพฑูรย์(มือปืน)ได้เลิกรากับเมีย ต่อมาไม่นานนายเด่นชัย (คนตาย) ได้เลิกรากับเมียเช่นกันเช่น ทำให้ทั้งสองคนได้กลับมาอยู่บ้านกับตนได้ประมาณ 6 เดือน

“ช่วงเกิดเหตุตนเองกำลังอาบน้ำ ตนได้ยินเสียงนายเด่นชัย(ผู้ตาย) และนายไพรฑูรย์(ผู้ต้องหา) มีปากเสียงกันบนบ้านชั้น 2 ซึ่งตนได้ยินประจำจนเป็นเรื่องปกติ เพราะทั้งสองคนเวลาเมาชอบทะเลาะกัน แต่ปรากฏว่ามีเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด ตนจึงรีบใส่เสื้อผ้าแล้วรีบวิ่งขึ้นไปดู และสวนทางกับนายไพฑูรย์ตรงบันไดบ้านพอดี แต่ไม่ได้พูดอะไรกัน ตนรีบเข้าไปดูพบลูกชายคนโตนอนแน่นิ่งและเสียชีวิตไปแล้ว จึงรีบโทรแจ้งตำรวจในพื้นที่ทราบ”

นางจันหอม ผู้เป็นแม่ กล่าวอีกว่า ทางครอบครัวประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป และมีรถอีแต๋น 1 คัน เอาไว้รับจ้างขนมันสำปะหลัง โดยทางลูกชายทั้ง 2 คนจะเป็นผู้เอารถอีแต๋น ขึ้นอยู่กับใครรับงานมาก่อน ทำให้เกิดการแย่งกันขึ้น และไม่ยอมเติมน้ำมันหลังเอาไปใช้แล้ว ตลอดทั้งข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้านอย่างเครื่องตัดหญ้า ตนเคยห้ามปรามให้คิดถึงความเป็นน้องกัน แต่ไม่มีใครเชื่อ ที่ผ่านมาทุกครั้งไม่เคยมีเรื่องร้ายแรงขนาดนี้เลย

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวนายไพฑูรย์ ไปสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง พร้อมตั้งข้อกล่าวหาเบื้องต้นในข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมายก่อนจะนำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป