841

สนามเลือกตั้งพิษณุโลก เขต 2
อ.พรหมพิราม ชี้ชะตา ส.ส.

สนามเลือกตั้งเขต 2 จังหวัดพิษณุโลกประกอบด้วย อำเภอเมือง(เฉพาะตำบลบ้านกร่าง ตำบลไผ่ขอนดอน ตำบลปากโทก ตำบลจอมทอง ตำบลมะขามสูง ตำบลหัวรอ ตำบลบ้านป่า ตำบลดอนทอง ตำบลสมอแข) และอำเภอพรหมพิราม

สนามเลือกตั้งเขตที่ 2 ครั้งนี้มีผู้สมัคร คนดังลงชิงชัยที่มีคะแนนเบียดเสียดกันหลายคน ได้แก่ นายมีดี บัวแก้ว พรรคก้าวไกล เบอร์ 2 ว่าที่ร้อยตรีอิทธิพล บุบผะะศิริ พรรคภูมิใจไทย เบอร์ 3 นายศิริชิน หาญพิทักษ์พงศ์ พรรคพลังประชารัฐ เบอร์ 4 จ่าสิบเอกพัฒนากรณ์ ดอนตุ้มภัย พรรครวมไทยสร้างชาติ เบอร์ 5 และนายนพพลเหลืองทองนารา พรรคเพื่อไทย เบอร์ 10

การเลือกตั้งครั้งนี้ นายนพพล ลงสมัครในนามพรรคเพื่อไทยเช่นเดิม ก่อนหน้านี้กรณีมีข่าวสะพัดออกมาว่านายนิยม ช่างพินิจ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย หลายสมัยย้ายไปสังกัดพรรคภูมิใจไทยนั้น ทำให้นายนพพล ระส่ำระสาย มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าพรรคเพื่อไทย เข้ามาเสนอเงื่อนไขจนสงบแน่นิ่ง

สำหรับตัวเต็งในเขตนี้ต้องยอมรับว่าคอการเมืองยังให้เครดิตไปที่นายนพพล ที่มีลีลาความสามารถเฉพาะตัวสูงยิ่ง เพราะมีกลยุทธ์เคล็ดวิชาชั้นเชิงเกินกว่าที่จะคาดเดา เนื่องจากเป็นบุคคลที่มีบุคลิกภาพพลิกพลิ้วแพรวพราวเหนือความคาดหมาย โดยเฉพาะในวันรับสมัครเลือกตั้งวันที่ 3 เมษายน ที่ผ่านมา นายนพพลไม่ได้จับฉลาก แต่ทว่าลงสมัครเป็นคนสุดท้ายจนได้หมายเลข 10

การเลือกตั้งเมื่อปี 2562 นายนพพล งัดวิชา”ล่องหน”ใช้วิธีขี่จักรยานยนต์หาเสียง ชนิดฝ่ายตรงข้ามจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน วูบวาบปราดเปรียวเลี้ยวลัดไปตามเส้นทาง เพื่อไม่ให้ใครมาจับจ้องได้เลย

การเลือกตั้งในปี 2562 นายนพพล มีคะแนนมาอันดับ 1 จำนวน 32 ,913 คะแนน ชนะคู่แข่งอันดับ 2 จ่าสิบเอกพัฒนปกรณ์ ดอนตุ้มภัย พรรคพลังประชารัฐ 27,573 คะแนน อันดับ 3 ร.ต.ณรงค์ ยาวชันแก้ว พรรคอนาคตใหม่ 14,703 คะแนน และอันดับ 4 นายธีระ อ่ำพูล พรรคประชาธิปัตย์ 14,642 คะแนน

นายนพพล เป็นชาวตลาดหนองตม ตำบลวงฆ้อง อำเภอพรหมพิราม ซึ่ง เป็นย่านศูนย์รวมเศรษฐกิจของผู้คนเชื้อสายจีน ทำมาค้าขายและแหล่งเงินทุน ท่าข้าว โรงสี ประกอบกับมีเส้นทางรถไฟสายกรุงเทพฯ – เชียงใหม่ วิ่งผ่าน และมีสถานีหนองตม จึงนับว่าเป็นตักศิลาของอำเภอพรหมพิราม ที่ส่งบุตรหลานร่ำเรียน มีการศึกษา และรับราชการมีตำแหน่งระดับ ผู้พิพากษา อัยการ แพทย์ นายอำเภอ ตำรวจทหาร มีทั้งนายพัน นายพล ทนายความ และอื่นๆ อีกเป็นจำนวนมาก นอกจากนั้นยังคืบคลานเข้ามาทำธุรกิจในตัวเมืองพิษณุโลก ทั้งเจ้าของลิสซิ่ง โรงแรม ปั๊มน้ำมัน เป็นต้น

อำเภอพรหมพิราม ในอดีตมักตัดสินคดีความกันด้วยวิธีรุนแรง โดยเฉพาะนิคมทุ่งสานตำนานเลือดที่โด่งดังระดับประเทศจนกลายเป็นบทเพลง “ทุ่งสานสะเทือน” หรือแม้กระทั่ง “คืนบาปที่พรหมพิราม” ที่เคยถูกนำมาสร้างภาพยนตร์จนกะฉ่อนไปทั่วประเทศ อำเภอพรหมพิราม มีสภาพพื้นที่การเกษตร คือ ทุ่งนาอันกว้างใหญ่ไพศาลไม่น้อยกว่า 500,000 ไร่ จึงยังคงฝังรากลึกตราตรึงกับวิธีคิดไม่ว่าใครจะคดโกงอย่างไรในโครงการรับจำข้าว

ครั้งนี้พรรคพลังประชารัฐ ส่งนายศิริชิน หาญพิทักษ์พงศ์ หรือ “ส.จ.โก๋” เบอร์ 4 อดีตประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.)พิษณุโลก ที่พึ่งลาออกมาหาเสียง แม้นายศิริชิน จะลงสมัคร ส.ส.ครั้งแรก แต่ทว่าดำรงตำแหน่ง ส.อบจ.อำเภอพรหมพิราม มาแล้ว 4 สมัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นชาวตลาดหนองตม ตำบลวงฆ้อง เช่นเดียวกันกับนายนพพล และกล่าวกันว่าเป็นบุคคลที่สร้างความหวั่นไหว และช่วงชิงคะแนนจากนายนพพล เหลืองทองนารา เบอร์ 10 ได้ เป็นจำนวนไม่น้อย

ในพื้นที่ 9 ตำบล ของอำเภอเมืองพิษณุโลก มีนายมนต์ชัย นายก อบจ.พิษณุโลก เป็นพี่เลี้ยงให้นายศิริชิน โดยเฉพาะในพื้นที่อำเภอเมืองพิษณุโลก บารมีของนายมนต์ชัย ที่มีความสนิทสนมใกล้ชิดและผูกพันกับผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น เชื่อว่าจะกอบโกยคะแนนให้กับนายศิริชิน ได้อย่างแน่นอน และหากนายศิริชิน สามารถช่วงชิงคะแนนในพื้นที่อำเภอพรหมพิราม ได้ใกล้เคียงกับนายนพพล จะสามารถพลิกโผลบคำว่า”แลนด์สไลด์” พรรคเพื่อไทย ในบัดดล

“จ่าเจี๊ยบ”จ่าสิบเอกพัฒนปกรณ์ ดอนตุ้มไพร ลงสมัครในนามพรรครวมไทยสร้างชาติ เบอร์ 5 การเลือกตั้งเมื่อปี 2562 “จ่าเจี๊ยบ”สังกัดพรรคพลังประชารัฐ มีคะแนนมาอันดับ 2 จำนวน 27,573 คะแนน ครั้งนั้นนายมนต์ชัย วิวัฒน์ธนาฒน์ นายก อบจ.พิษณุโลก ลงมาผลักดัน ระดมสรรพกำลังอย่างเต็มที่ อีกทั้งนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ลงมาเกื้อหนุนอีกด้วย

ครั้งนี้ “จ่าเจี๊ยบ”แม้ว่าจะดูคล้ายโดดเดี่ยว แต่มีผู้คนได้รู้จักชื่อเสียงคุ้นเคยเป็นจำนวนไม่น้อยด้วยคะแนนเกือบสามหมื่นคะแนน คงไม่มีใครกล้าสบประมาทและมองข้าม ประกอบกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่มี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เบอร์ 22 มีผลงานมากมายที่ได้ช่วยเหลือผู้คนในชนบท

โดยเฉพาะ “บัตรลุงตู่” บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และการแก้ไขปัญหาโควิด-19 ตลอดจนโครงการต่างๆ ช่วยเหลือพยุงราคาค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ก๊าชหุงต้ม ไฟฟ้า เป็นต้น ยังไม่นับรวมเพิ่มค่าตอบแทน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหารและสมาชิก อบต.และ อสม.เหล่านี้ล้วนทำให้ “จ่าเจี๊ยบ” มีคะแนนเพิ่มลุ้นเข้าป้ายได้เช่นเดียวกัน

พรรคก้าวไกล ส่งนายมีดี บัวแก้ว เบอร์ 2 ลงชิงชัย แม้ชื่อเสียงไม่โด่งดังและโดดเด่น แต่คะแนนพรรคก้าวไกล เมื่อปี 2562 มาอันดับ 3 จำนวน 14,703 คะแนน ส่งผลให้คะแนนมีผลกระทบต่อพรรคการเมืองอื่นๆ กลายเป็นพลังเงียบในหมู่เยาวชนคนรุ่นใหม่

สำหรับพรรคภูมิใจไทย ส่งว่าที่ร้อยตรีอิทธิพล บุบผะศิริ  เบอร์ 3 อดีตนายอำเภอพรหมพิราม อดีตนายอำเภอเมือง พิษณุโลก และอดีตรองนายก อบจ.พิษณุโลก ลงชิงชัยสวมหัวใจ “สิงห์”ตระเวนหาเสียงด้วยความมุ่งมั่นทั่วทั้งเขต 2 จนเป็นที่รู้จักคุ้นเคยของชาวบ้าน อีกทั้งจะเป็นบทพิสูจน์หัวใจอดีตผู้ใต้บังคับบัญชาที่เคยมีไมตรีต่อกัน ทั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วย สารวัตร แพทย์ประจำตำบล ผรส.ว่าลืมเลือนนายไปแล้วหรือยัง อย่าให้ต้องกลับกลายเป็น“สิงห์สั่งป่า”

“อิทธิพล”เคยใช้ผ้าขาวม้าพาดบ่าคาดเอวออกพื้นที่มาแล้ว ในขณะที่ดำรงตำแหน่งรองนายก อบจ.พิษณุโลก จนกลายเป็นเอกลักษณ์ ล่าสุดงัดกลยุทธ์ดึงพี่ชาย”ฝาแฝด ” พันโทจักรกริช บุบผะศิริ อดีตนายทหาร และอดีต ผอ.กกต. ลงมาช่วยเรียกคะแนนเสียง นับว่าสร้างบรรยากาศความแปลกแตกต่างจากชาวเขตที่ 2 เป็นอย่างดี จึงเป็นการวัดใจพรรคภูมิใจไทย ว่าจะต่อสายท่อลำเลียงให้หลั่งไหลมามากน้อยเพียงใด

อย่างไรก็ตาม คอการเมืองยังคง”ฟันธง”สนามเลือกตั้งพื้นที่อำเภอพรหมพิราม ชี้อนาคตทางการเมืองที่จะเดินทางเข้าสู่สภาฯ