เชียงใหม่ “บิ๊กโจ๊ก” สั่งจับชาวจีน และนอมินีคนไทย กว้านซื้อบ้านจัดสรร

281

เชียงใหม่ “บิ๊กโจ๊ก” สั่งจับชาวจีน และนอมินีคนไทย กว้านซื้อบ้านจัดสรร

วันที่ 30 มีนาคม 2566 ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 5 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามจับกุมผู้ต้องหาขาวจีน และ ประกอบด้วย

1.บริษัทฟ้าหลวงการเกษตร จํากัด แจ้งข้อกล่าวหา Mrs.Qingfang Li (นางชิ่งฟาง หลี่) ข้อหา เป็นคนต่างด้าวประกอบธุรกิจโดยไม่ได้รับอนุญาต

2.Mrs.Qingfang Li (นางชิ่งฟางหลี่)สัญชาติจีน เป็นผู้ที่ใช้ชื่อนางปาริชาติ ถือหุ้น แทนตนและเป็นกรรมการนอมินี ข้อหาเป็นคนต่างด้าว ยินยอมให้ผู้มีสัญชาติไทยหรือนิติบุคคล ที่มิใช่คนต่างด้าว ประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวโดยฝ่าฝืนกฎหมาย และเป็นกรรมการ หุ้นส่วน หรือผู้ มีอํานาจกระทําการแทนนิติบุคคลซึ่งรู้เห็นเป็นใจกับการกระทําความผิดนั้น หรือมิได้จัดการตามสมควร เพื่อป้องกันมิให้เกิดความผิดนั้น และร่วมกันแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทําการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารมหาชนหรือเอกสารราชการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์สําหรับใช้เป็นพยานหลักฐานโดย ประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน และแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานซึ่ง อาจทําให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย

3.นางปาริชาติ อายุ 64 ปี ชาวอำเภอเมืองเชียงใหม่ เป็นผู้ที่ถูก Mrs.Qingfang Li (นางชิ่งฟาง หลี่) ใช้ชื่อถือหุ้น แทนตนและเป็นกรรมการนอมินี ข้อหา “เป็นผู้ช่วยเหลือ หรือสนับสนุน ให้คนต่างด้าวประกอบ ธุรกิจเกี่ยวกับการค้าขายอสังหาริมทรัพย์โดยการถือหุ้นแทนคนต่างด้าว เพื่อให้คนต่างด้าวประกอบ ธุรกิจโดยหลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ซึ่งการประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการค้าขาย อสังหาริมทรัพย์นี้เป็นธุรกิจที่ไม่อนุญาตให้คนต่างด้าวประกอบกิจการด้วยเหตุผลพิเศษ

ตามบัญชีท้าย บัญชีหนึ่ง ลําดับที่ 9 การค้าที่ดิน , เป็นกรรมการ หุ้นส่วน หรือผู้มีอํานาจกระทําการแทนนิติบุคคล ซึ่งรู้เห็นเป็นใจกับการกระทําความผิดนั้นหรือมิได้จัดการตามสมควรเพื่อป้องกันมิให้เกิดความผิดนั้น และ ร่วมกันแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทําการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารมหาชนหรือ เอกสารราชการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์สําหรับใช้เป็นพยานหลักฐานโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน และแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานซึ่งอาจทําให้ผู้อื่นหรือประชาชน เสียหาย”

4.นายมานัส อายุ 60 ปี ชาวอำเภอเมือง เชียงใหม่ เป็นนอมินี ข้อหา “เป็นผู้ช่วยเหลือ หรือ สนับสนุน ให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการค้าขายอสังหาริมทรัพย์ โดยการถือหุ้นแทนคนต่าง ด้าว เพื่อให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจโดยหลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ซึ่งการประกอบ ธุรกิจเกี่ยวกับการค้าขายอสังหาริมทรัพย์นี้เป็นธุรกิจที่ไม่อนุญาตให้คนต่างด้าวประกอบกิจการด้วย เหตุผลพิเศษ ตามบัญชีท้าย บัญชีหนึ่ง ลําดับที่ 9 การค้าที่ดิน”

5.นายสัญชัย ชาว อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย เป็นนอมินี ในข้อหา “เป็นกรรมการ หุ้นส่วน หรือผู้มีอํานาจกระทําการ แทนนิติบุคคลซึ่งรู้เห็นเป็นใจกับการกระทําความผิดนั้นหรือมิได้จัดการตามสมควรเพื่อป้องกันมิให้เกิด ความผิดนั้น” ส่วน คนจีนอีก 2 ราย หลบหนีไปอยู่ต่างประเทศ ส่วนคนไทย 1 ราย อยู่ระหว่างเร่งติดตามจับกุม

สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2566 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เดินทางมาแถลงผลการจับกุม แก๊งนอมินีคนไทย ประกอบกิจการบ้านจัดสรรค์ในอำเภอสันกำแพง โดยเป็นโครงการประเภท บ้านเดี่ยวและวิลล่า ตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.สันกลาง อ.สันกำแพง มีทั้งหมด 195 ยูนิต รองรับกลุ่มคนจีนโดยเฉพาะ ราคาตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไป ถึงกว่า 11 ล้านบาท

โดยก่อนหน้านี้ได้เรียก สำนักงานที่ดินจังหวัดเชียงใหม่ พานิชย์เชียงใหม่ ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดเชียงใหม่ และฝ่ายปกครอง ประชุมเกี่ยวกับเรื่อง ทุนจีน กว้านซื้อที่ดินในอำเภอหางดง อำเภอสันทรายและ อำเภอสันกำแพง เพื่อสร้างบ้านจัดสรร เปิดร้านขายของ และเปิดบริษัท ตลอดไปจนถึงซื้อโรงเรียนเพื่อให้คนจีนมาศึกษาต่อ โดยมีคนไทยเป็นนอมินี

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า สำหรับการจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากได้มีการแจ้งเบาะแส ว่ามีกลุ่มทุนจีนได้เข้ามากว้านซื้อหมู่บ้านในจังหวัดเชียงใหม่ ในพื้นที่อำเภอเมือง อำเภอสันกำแพง และอำเภอสันทราย แบบไม่ถูกต้อง โดยใช้คนไทยเป็นนอมินีเป็นเจ้าของโครงการแทน จึงได้บูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบเรื่องนี้โดยเฉพาะเคสนี้นั้นผู้ถือหุ้นปีที่ผ่านมานั้นเสียภาษีแค่ 30,000 กว่าบาท แต่ปีนี้มาเป็นเจ้าของหมู่บ้านจัดสรรหรูกว่า 200 ล้านบาท