เหยื่อเตรียมร้อง“เจ๊ อ.”เจ้าแม่เงินกู้พันล้าน ผู้เสียหาย200 ราย
ขายฝากถูกเปลี่ยนชื่อโฉนดเบี้ยวไม่ยอมไกล่เกลี่ยยเจรจาไถ่ถอนรวมตัวเตรียมยื่นร้อง“บิ๊กป้อม” หลังร้อง ตร.ภาค 6 และศูนย์ดำรงธรรมไม่คืบ
วันที่ 14 พ.ค.2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากลุ่มลูกหนี้ของนายทุนเงินกู้นอกระบบเดือดร้อนจากที่มีนายทุนเงินกู้ทั้งหมด 4-5 รายทั้งจังหวัดพิษณุโลก เปิดหาลูกค้าทำเหมือนธุรกิจธนาคารพาณิชย์ เก็บดอกโหดบ้าง เปิดเป็นไฟแนนซ์ดอกเบี้ยต่ำบ้าง รายรับจำนำด่วน นิยมนำเครื่องใช้ไฟฟ้า หรือเครื่องมือช่างไม่เว้นแม้กีตาร์โชว์หน้าร้าน แต่เป้าหมายแท้จริงคือปล่อยเงินกู้นอกระบบเอา”โฉนดที่ดิน”ไปจำนองสำนักงานที่ดินจังหวัดพิษณุโลก
ล่าสุดที่สำนักงานขายโครงการอสังหาริมทรัพย์แห่งหนึ่ง หลังมหาวิทยาลัยนเรศวร มีกลุ่มประชาชนหรือเหยื่อเงินกู้ดอกโหดประมาณ 50 คนรวมตัว เพื่อร้องเรียนต่อพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่มีกำหนดเดินทางมาจังหวัดพิษณุโลก เพื่อทำพิธีมอบคืนโฉนดที่ดิน“คืนความสุขให้ประชาชนลดความเหลื่อมล้ำของสังคม” ในวันที่16 พฤษภาคม 2562 นี้ ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม อำเภอเมืองพิษณุโลก
กรณีนายทุนรายหนึ่งภูมิลำเนา จังหวัดนครสวรรค์ ชื่อย่อ นาง อ. นามสกุล ม. ซึ่งสามีอดีตรับราชการกรมราชทัณฑ์ ได้เปิดร้านทำธุรกิจปล่อยสินเชื่อโดยใช้โฉนดที่ดินวางค้ำประกันอยู่แถวถนนชาญเวชกิจ เขตเทศบาลนครพิษณุโลก ก่อนมาเปิดบริเวณถนนพระองค์ดำ พฤติการณ์คือรับขายฝากจำนองที่ดิน ฉ้อโกงลูกหนี้ประมาณ 200 รายไม่ยอมให้ไถ่ถอนโฉนด แม้ผู้เสียหายยินยอมชำระเงินแล้วก็ตาม ทำให้เหยื่อหลายรายเดือดร้อนบางรายต้องจ่ายเงินเป็นค่าเช่าบ้านแม้ว่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเป็นของตัวเอง
น.ส.นภัศวรรณอินมลเทียรวัย44 ปีผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ย่านม.นเรศวรถือว่าเป็น1 ในผู้เสียหาย200 รายกล่าวว่าตนมีสภาพเป็นลูกเงินกู้นอกระบบขอเจ๊อ. ซึ่งเป็นหน้าร้านชื่อย่อ”9”รับจำนำของมือสองทุกชนิดเคยกู้ธนาคารพาณิชย์แต่ใช้เวลาดำเนินการกว่าจะได้เงินสดนานจึงเลือกใช้วิธีกู้นอกระบบจากเจ๊อ. แรกๆก็อ้างว่าดอกเบี้ยร้อยละ3 /เดือนแต่จริงๆแล้วไม่ใช่เพราะถูกหักเงินไปก่อนแล้วตนทยอยเอากู้เงินไปตั้งแต่ปี2553 จนถึงปัจจุบันก็ไม่เคยไถ่ถอนโฉนดสักแปลงเดียว
ปัจจุบันโฉนดที่ดินถูกจำนอง(ขายฝาก) จำนวน 26 แปลง คิดเป็นมูลค่าทรัพย์สิน100 ล้านบาท มูลค่าทำสัญญาจดจำนองขายฝากจำนวน 22 ล้านบาทเพื่อไปทำธุรกิจอสังหาฯได้รับเงินสดจริงๆจำนวน14 ล้านบาทเศษ หลังจากนั้นทะยอยชำระหนี้ไปแล้ว18 ล้านบาท ณ.วันนี้ เจ๊อ. บอกว่าเขาต้องการเงิน35 ล้านบาท มาปิดเพื่อไถ่ถอนโฉนดทั้งหมดกระทั่งสัปดาห์ที่ผ่านมาล่าสุดจนท.ตำรวจนัดเจรจาไกล่เกลี่ยแต่ก็ไม่มาและปิดโทรศัพท์หนี
นายกัญญ์วรา จันทร์ประดิษฐ์ อายุ32 ภูมิเนา ตำบลวัดพริก อำเภอเมืองพิษณุโลก 1 ในเหยื่อผู้เสียหาย กล่าวว่า ปี 2554 แม่ของตนได้ไปขอกู้จากเจ๊อ. เริ่มจากปล่อยให้ 250,000 บาท โดยจดจำนองขายฝากทำสัญญาจำนวน 470,000 บาท โดยนำที่ดิน 5 ไร่วางประกันแต่เวลาไถ่ถอนบ่ายเบี่ยง
เหยื่ออีกรายระบุว่าตนกู้เงิน 5.5 ล้านบาททำสัญญาจำนอง 6.5 ล้านบาท เพื่อซื้อที่ดินและสร้างอาคารพาณิชย์ขายนำเงินมาชำระหรือไถ่ถอนที่ดิน แต่ เจ๊ อ.ไม่ยินยอม
นางดารารัตน์ ขำแจ่ม เหยื่ออีกราย กล่าวว่า ตนกู้เงินโดยทำขายฝากกับ เจ๊ อ. แปลงแรกได้เงิน 400,000 บาท ทำสัญญาขายฝากที่สำนักงานที่ดินจังหวัดพิษณุโลก ยอด 1.2 ล้านบาท ซึ่งนำที่ดินติดถนนมูลค่าเกือบ 10 ล้านบาทใหญ่(โลตัสตาประขาวหาย) เจ้าหนี้ เจ๊ อ. เรียกเงิน 3.5 ล้านบาท เพื่อปิดไถ่ถอน แต่บ่ายเบี่ยงหลังจากนั้นชื่อโฉนดถูกเปลี่ยนเป็นเจ๊อ. เรียบร้อยแล้ว
ระหว่างนั้นแปลงที่ 2 ไปกู้เงินได้เงิน 400,000 บาท มาทำบ้านจัดสรร เพื่อขายต่อและขายบ้านโดยชำระเงินแล้วก็ไม่ยอมหักเงินต้นให้ แปลงที่ 3 กู้เงิน 400,000 บาท ทำสัญญาขายฝากร่วม1 ล้านบาท ก็ไม่ยอมหักเงินต้นให้และบอกว่าหากจะปิดบัญชีทั้งหมดต้องนำเงินไปไถ่ถอน(ที่ดินข้างโลตัส) ข้างต้นจำนวน 6.5 ล้านบาท ซึ่งพฤติการณ์ของเจ๊ อ. ต้องการเอาที่ดินโดยเฉพาะแปลงสวยๆไม่ต้องการเอาเงินสด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าปลายปี 2561 ผู้เสียหายหลายรายเคยได้เข้าร้องเรียนเพื่อขอความเป็นธรรมที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค6 และศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดพิษณุโลก เพื่อหวังว่าจะได้ไถ่ถอนโฉนดคืน แม้เรียกนายทุนและผู้เสียหายมาเจรจาไกล่เกลี่ยแล้ว แต่ไม่เป็นผลเหตุนายทุนยึดตามสัญญาที่ทำไว้ทำให้พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพิษณุโลก ตั้งข้อหาเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด และส่งมอบต่อให้ตำรวจภูธรภาค 6 ดำเนินการสืบสวนต่อ จนถึงขณะนี้แต่ยังไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใดทำให้ผู้เสียหายต้องมาเตรียมเอกสารหลักฐานยื่นร้องเรียนต่อรองนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง