กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ พระราชทานปริญญาบัตร ม.นเรศวร เป็นวันที่ 2

วันที่ 12 มีนาคม 2568 สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ พระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยนเรศวร ประจำปีการศึกษา 2566 (เป็นวันที่ 2)
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์พระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยนเรศวร ประจำปีการศึกษา 2566 ระหว่างวันที่ 11 – 12 มีนาคม 2568 ณ หอประชุมมหาราช อาคารองค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช มหาวิทยาลัยนเรศวร อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก

วันที่ 12 มีนาคม 2568 ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์ประสิทธิ์ วัฒนาภา นายกสภามหาวิทยาลัยนเรศวร รองศาสตราจารย์ ศรินทร์ทิพย์ แทนธานี รักษาราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร บุคลากร และนิสิมหาวิทยาลัยนเรศวร เฝ้ารับเสด็จฯ ณ อาคารองค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราชมหาวิทยาลัยนเรศวร
ทั้งนี้ มีผู้สำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรี เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร ในวันที่ 12 มีนาคม 2568 เป็นวันที่ 2 จำนวนทั้งสิ้น 2,542 คน จาก 8 คณะ ได้แก่ คณะนิติศาสตร์ คณะบริหารธุรกิจเศรษฐศาสตร์ และการสื่อสาร คณะเกษตรศาสตร์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คณะมนุษยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ คณะศึกษาศาสตร์ และ คณะโลจิสติกส์และดิจิทัลซัพพลายเชน

ด้วยเป้าหมายของการเป็มหาวิทยาลัยเพื่อสังคมของผู้ประกอบการ หรือ University for Entrepreneurial Society ซึ่งหมายถึงสังคมที่ใช้ “ความรู้” เป็นหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ การจ้างงาน และการแข่งขันในตลาดโลก มหาวิทยาลัยนเรศวรจึงให้ความสำคัญกับการพัฒนากำลังคนที่มีสมรรถนะสูงและสร้างความพร้อมให้กับกำลังคนของประเทศในการก้าวสู่ตลาดแรงงานสากล และในฐานะสถาบันอุดมศึกษาในกลุ่มมหาวิทยาลัยที่มุ่งเน้นการวิจัยระดับแนวหน้าของโลก (Global and Frontier Research University) ที่จะมีส่วนสำคัญในการสร้างระบบนิเวศน์เพื่อการประกอบการ
โดยสร้างสังคมอุดมความรู้ โดยการสร้างองค์ความรู้ด้วยกระบวนการวิจัย สนับสนุนการสร้างนวัตกรรมต้นแบบ และงานวิจัยที่สามารถต่อยอดและสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ และถ่ายทอดความรู้ นวัตกรรม ผลการวิจัย และเทคโนโลยีสู่สังคมผ่านการบริการทางวิชาการ เพื่อให้เกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจ อีกทั้งสร้างทรัพยากรมนุษย์ที่มีชุดความคิดเชิงประกอบการ (Entrepreneurial Mindset) นอกจากนี้มหาวิทยาลัยยังให้ความสำคัญกับการสร้างแนวคิดความรับผิดชอบต่อสังคม (Social Responsibility) ซึ่งถือเป็นหลักการสำคัญที่จะสร้างให้บัณฑิตสามารถใช้ศักยภาพและความสามารถของตนเพื่อสร้างสรรค์สิ่งที่ดีให้กับสังคม รู้จักการเป็นผู้ให้ และแบ่งบันให้เพื่อนร่วมสังคมโดยไม่แบ่งแยกเชื้อชาติ ศาสนา และไม่แบ่งแยกพรมแดน และเป็นจุดเริ่มต้นในการก้าวออกไปสู่ประชาคมของโลกได้อย่างมีคุณภาพ
ในการเฝ้าส่งเสด็จฯ ได้มีการแสดงของนิสิตมหาวิทยาลัยนเรศวร เพื่อถวายกำลังใจแด่องค์สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้ากรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยใช้เครื่องดนตรี 3 ชิ้น ประกอบด้วย ขลุ่ย ซออู้ และคีย์บอร์ด ขับขานบทเพลงแบบเมดเล่ย์ ประกอบด้วยเพลง “รักเอ๋ย” เพื่อสะท้อนถึงความรักที่ชาวมหาวิทยาลัยนเรศวรมีต่อพระองค์ ตามด้วยเพลง “เกลียดห้องเบอร์ห้า” ซึ่งเป็นเพลงที่พระองค์ทรงโปรดปราน เพราะเคยขอให้เปิดในรายการวิทยุเป็นประจำ โดยใช้นามแฝงว่า “ป้าช้าง” และเพลง “ส้มตำ” ซึ่งเป็นบทเพลงที่ทรงพระราชนิพนธ์ ขณะที่ทรงศึกษาอยู่ชั้นมัธยมต้นที่โรงเรียนจิตรดา
ซึ่งผู้ขับร้องประกอบด้วย นิสิตชมรมวงดนตรีลูกทุ่งมหาวิทยาลัยนเรศวร NU BAND ชมรมสืบสานล้านนา ชมรมสืบสานวัฒนธรรมม้ง และชมรมดนตรีไทย มหาวิทยาลัยนเรศวร ซึ่งเป็นกลุ่มนิสิตที่มีความสามารถทางด้านศิลปวัฒนธรรม และมีความหลากหลายทางวัฒนธรรม ประกอบไปด้วยกลุ่มชาติพันธุ์ อาทิ ม้ง ไทยลื้อ ไทยใหญ่ ไทยญวน ไทยเขิน
“นิสิตศิลป์ นเรศวร ล้วนจิตมั่นนบพลัง กลั่นบทเพลง ผ่านเส้นเสียงน้อมถวาย พระมิ่งขวัญ ด้วยพร้อมเพรียงนำเรียบเรียง เพลงทรงโปรด ของพระองค์รักเอ๋ย รักยิ่งใหญ่ ไว้เหนือเกล้าห้องเบอร์ 5 เรื่องเล่ารัก หักประสงค์ส้มตำ รสแซ่บหนอ นั่งล้อมวงถวายพระองค์ ด้วยใจรัก และภักดี”